Sunday, June 29, 2014

ร้าน Monjyayaki Don Don สุขุมวิท 37

                   วันนี้ที่บ้านยกขบวนกันมากิน Monjyayaki กันค่า ด้วยความอยากลองของใหม่ๆ ของเราเอง หึๆ เพราะเราเคยกินแต่ Okonomiyaki กัน และแล้วน้องที่ทำงานก็ได้จุดประกายเราขึ้นมาด้วยคำว่า Monjyayaki ฮ๊าาาา มันคืออะไร?? เรารีบป้อนข้อมูลถามลุงกูเกิ้ลทันที และก็มาถึงที่ร้านที่เค้าแนะนำกันจนได้คร้า.... ร้านมงจายากิ ดง ดง สุดซอยสุขุมวิท 37 มาถึงก็มีที่จอดหน้าร้านทันที โชคดีมากมายนะฮ้า... แต่กว่าจะหาเจอนี่ แอบวนรถไปหลายรอบ เพราะซอย 37 ไม่มีให้เอารถเข้า ต้องไปเข้าซอย 39 แล้ววนเข้ามา เหอๆๆ ลึกลับมั่กๆ
                   คุณเจ้าของร้านส่งพวกเราไปอยู่กันชั้น 2 ให้บรรยากาศแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น... เสื่อ Tatatmi กับโต๊ะ Kotatsu แบบในโดราเอมอนๆๆ
                   มาถึงก็จัดแจงสั่งอาหารกันเลยจ้า...
Monjyayaki กะทะร้อนสุดๆ ละเลงกันให้เละ

เกี๊ยวห่อชีส
อุด้งเย็น
ข้าวราดหน้าไข่
ข้าวแกงกะหรี่หมู
                     โดยรวมเราว่าก็ใช้ได้นะคะ แต่อาหารญี่ปุ่นสำหรับเราก็คือจืดซะส่วนใหญ่ ราคาเราก็จำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้อีกเช่นเคย แต่ประมาณพันหน่อยๆ ค่ะ ไม่ถูกไม่แพง บรรยากาศร้านใช้ได้เลยค่า

ร้าน Yoshinoya สีลม คอมเพล็กซ์

                     หลังเลิกงานวันศุกร์ น้องสาวที่ทำงานอยู่ห่างกันแค่ตึกเดียวนึกอยากกิน Yoshinoya เลยชวนกันไปกินแบบงงๆ 555 ยังไม่เคยกิน Yoshinoya แต่แว่วๆ ว่าข้าวหน้าเนื้ออร่อย เลยสั่งมากินกันซะหน่อย น้องสาวสั่งข้าวหน้าเนื้อไซส์ M ค่า พอมาถึงก็แอบอึ้งเล็กๆ เพราะชามเล็กกว่าที่จินตนาการไว้ นึกถึงอาหารไซส์ M ที่สิงคโปร์ชามเท่าหม้อข้าว 555
                     เนื้อชิ้นบางๆ แต่แผ่นใหญ่ค่ะ เนื้อนุ่มดีอยู่เหมือนกันค่ะ แต่รสชาติก็ อืม.... เราว่าธรรมด๊า... ธรรมดา ออกจืดๆ หน่อย
กิวด้ง ข้าวหน้าเนื้อ ไซส์ M 
                        ส่วนของเราเป็นข้าวหน้าเนื้อไซส์ M แบบเผ็ด อร่อยกว่ารสคลาสสิกนิดหน่อยเพราะมีความเผ็ดอยู่ด้วย เหอๆๆ 
กิวด้ง ข้าวหน้าเนื้อแบบเผ็ด ไซส์ M
                        ราคานี่จำตัวเลขไม่ได้แน่นอนค่ะ m(_ _)m น่าจะประมาณชามละ 119 - 139 บาท หึๆๆ 

Saturday, June 28, 2014

แอ่วเหนือกับ Veranda High Resort Chiang Mai 3 วัน 2 คืน

              เนื่องด้วยความใจดีของบริษัทที่แรนด้อมแจกที่พักในงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าให้กับพนักงานไปสำเริงสำราญกันในปีหน้า เราจึงได้ที่พัก Veranda High Resort Chiang Mai 3 วัน 2 คืนมาครอบครอง ลั้ลลา... และไม่รอช้า เมลล์ไปบุ๊คซะก่อนทุกอย่างจะสายไป 555 เราจึงบุ๊คไปวันที่ 19 - 21 เมษา ตรงเสาร์อาทิตย์พอดีจะได้ไม่ต้องเสียวันลาพักร้อน เหอๆๆ

หน้าทางเข้ารีสอร์ทจ้า
               วันแรก พอลงเครื่องปุ๊บ เราก็หิวโซกันทันทีจึงตรงดิ่งไปที่ร้านอาหารในสนามบิน จำชื่อไม่ได้ว่าร้านอะไรอ่า แต่อยู่ใกล้ๆ ทางออกสนามบิน ซึ่งอาหารอร่อยม๊ากกกกกก
ข้าวซอยผัด ของหม่าม้า เมนูแนะนำของร้าน
139 บาทถ้าจำไม่ผิด 555
ขนมจีนแกงเขียวหวาน ของป่าป๊า
ข้าวผัดต้มยำกุ้งของเราค่ะ อร่อยม๊ากกก
               อิ่มกันแล้วก็ไปเรียกพี่ Taxi ของสนามบินนี่ล่ะค่ะ จ่ายไป 460 บาทวิ่งไปประมาณ 40 นาที...ไม่คิดว่าจะอยู่ลึกขนาดนี้ (((_-) แต่บรรยากาศนี่สุดๆ ค่ะ รีสอร์ทบรรยากาศดีมากกกก เงียบสงบท่ามกลางขุนเขา เหมือนจะได้ยินเสียงลำธารไหล 555 เรามาถึงกัน 12:30 แต่ที่่นี่ Check in บ่ายสองเป๊ะค่ะ เข้าห้องได้ เลยต้องไปเดินเตร็ตเตร่ในรีสอร์ท แต่ก็ฆ่าเวลาได้ดีทีเดียวค่ะ เพราะพื้นที่รีสอร์ทกว้างและสวยมากๆ และขอบอกว่าการบริการของพนักงานที่นี่เกินห้าดาว...ไม่ได้พูดเกินจริง อิอิ
ล็อบบี้โรงแรม
               14:00 พนักงานจะนำรถกอล์ฟมารับค่ะ พร้อมบรรยายเกี่ยวกับรีสอร์ท และพาไปยังห้องพัก อธิบายเกี่ยวกับห้องพัก ห้องน้ำ แอร์ หน้าต่าง บลา บลา จากนี้ก็พักผ่อนชิลๆ ค่ะ เพราะเหนื่อยจากการเดินทางกันมา 
               16:00 ป๊าเราไปว่ายน้ำที่สระน้ำขึ้นชื่อท่ามกลางขุนเขาของรีสอร์ท ส่วนเราก็ไปเดินเที่ยวเล่นนิดหน่อยกะหม่าม้า ^-^ แล้วก็รอไปสวนลุมไนท์ตอนเย็น
สระน้ำค่ะ บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ คนโสดไม่ควรมา 555
               19:00 ที่โรงแรมจะมีบริการรถ Shuttle Bus ฟรีรอบหนึ่งทุ่มไปส่งสวนลุมไนท์บาซาร์ให้เราได้เดินเที่ยวเล่นค่ะ (แต่ต้องบุ๊คนะคะ เพราะเค้าจะเช็ครายชื่อเราค่ะ) และจะมารับกลับเวลาสี่ทุ่มเป๊ะ 
               เดินๆ กันไปก็ชักหิว เลยเดินไปหาอะไรกินแล้วเราก็มานั่งจ่อมกันที่ร้านเย็นตาโฟติดกับ Burger King ค่ะ อยากบอกว่า อร่อยยยยมากกกก 40 บาท เกินคุ้ม...เยอะ เนื้อล้น น้ำซุปคล่องคอสุดๆ ยังฝันถึงอยู่เลยนะคะเนี่ย 5555
เย็นตาโฟต้มยำ 40 บาท!
               22:40 กลับมาถึงโรงแรม เหนื่อยกันมาเลย ลาก่อน...
สลัวๆ แต่สะอาดมากมายค่า
                 วันที่สอง ตื่นตั้งกะหกโมงเช้า...เพราะเรานัดพี่ Taxi มารับตอนเจ็ดโมงครึ่งค่ะ เหอๆๆ ต้องรีบไปยัดๆๆๆ อาหารเช้า แบบรีบมากๆ
ไลน์บุฟเฟต์อาหารเช้าค่ะ
                   เห็นบางรีวิวบอกว่า ไลน์อาหารน้อย แต่เราว่าก็เยอะนะคะ อร่อยด้วยอ่ะ การันตีหรือเรากินง่ายก็ไม่รู้ 555 ขนาดรีบเรายังกินตั้งจานเบ้อเริ่ม กินเกือบทุกอย่างอย่างละหน่อย อิอิ อ้อ...พนักงานห้องอาหารก็บริการดีอีกแล้วอ่ะ ปลื้มมมม ดีมากๆๆๆ ให้สิบดาวไปเลยค่ะ
อาหารเช้าทั่วๆ ไป แต่อร่อยนะคะ ^-^
                  08:30 มาถึงที่นัดหมายกับบริษัททัวร์ค่ะ
                  09:00 ได้เวลาออกทัวร์ค่า วันนี้จุดหมายเราคือ ปางช้างแม่แตง ทุกกิจกรรมที่เราซื้อไว้อยู่ในนี้แหละค่ะ เราคิดว่าอยู่คนละที่ซะอีก เศร้า... รู้งี้ไปดอยอินทนนท์ดีกว่า (((-<)> 
ปางช้างแม่แตง
                   10:00 มาถึงแล้ว ปางช้างแม่แตง เริ่มต้นด้วยการไปล่องแพ ซึ่งวันนี้อากาศร้อนเหมาะสุดๆ แก่การล่องไปซับเหงื่อไป ล่องไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดจบ...เอ้ย ที่หมาย 5555
น้ำแดงเชียะ 555
                   10:45 ไปนั่งเกวียนต่อค่ะ ขอบอกว่าเราเกร็งมากๆๆ ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นอะไรนะคะ แต่เราสงสารวัวค่ะ ร้อนก็ร้อนยังต้องมาลากเกวียน แถมมีลูกหมูสามตัวอยู่บนเกวียนอีก.... เรากะจะบอกว่าเราจะลงแล้ว แต่เราไม่กล้าอ๊าาาา กลับพี่สารถีเคือง เป็นการนั่งเกวียนที่ทรมานมากกกก
ป๊า ท่าทางสงสารคุณวัว
                   11:00 ก่อนที่จะถึงกิจกรรมสุดท้ายที่เรารอคอยในปางช้าง พี่ไกด์ก็บอกให้พวกเราพักกินข้าวกินปลาที่ทางปางช้างเค้าเตรียมไว้ให้ก่อน เป็นบุฟเฟต์อาหารไทยค่ะ พอกินได้ค่ะ เพราะเรากินง่าย 555
                   11:45 ข้ามสะพานไปหาช้างกันนนน ด่านแรกเราต้องไปซื้อกล้วยและอ้อยมาบำเรอคุณช้างกันก่อน ท่าทางหิวโหยกันมาก เหมือนไม่ได้กินอะไรมาเป็นสิบปี...
                      การขี่ช้างเป็นกิจกรรมที่สร้างความหวาดเสียวให้เรายิ่งนัก...ลุ้นทุกสเต็ปที่เธอก้าว มันไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เสียเลย เหอๆๆ
น่ารักอ่ะ คุณช้าง
                    13:00 โดยประมาณ เตรียมตัวออกจากปางช้างไปสวนกล้วยไม้กันค่า ขับรถไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงค่ะ พี่ไกด์จะปล่อยเราไว้ที่นี่ประมาณชั่วโมงครึ่ง
นางสาวไทยคนล่าสุด
                      กล้วยไม้สวยดีค่ะ แต่ทว่าเราว่าครึ่งชั่วโมงก็พออ่ะค่ะ 555 เรามิใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านกล้วยไม้ เดินๆ ถ่ายรูปๆ แล้วก็ออกมานั่งหายใจทิ้งกันไป เอ้า
                     15:00 รถมารับไปส่งที่ๆ เราจะไปลงค่ะ เราเลือกไปลงประตูท่าแพกัน (ไม่ได้ถ่ายรูปง่าาา) แต่เราว่าก็เหมือนไนท์บาซาร์อ่ะค่ะ สินค้าเหมือนกัน แต่เราว่ามาซื้อที่ประตูท่าแพดีกว่า ถูกกว่านิดหน่อยค่ะ
                     18:00 นั่ง Taxi กลับจ้าาา

                     วันที่สาม บอกตามตรงไม่มีแผนค่ะ ฮาาา เลยโทรไปหาคนที่พี่ไกด์ให้นามบัตรไว้เมื่อวาน จ้างเค้าพาไปดอยสุเทพกับที่เที่ยวแถวๆ นั้น แต่แอบแพงอ่ะ คิดตั้ง 1500 บาทแน่ะค่ะ
                     07:00 ไปทานอาหารเช้ากันค่ะ แต่ป่าป๊าไปว่ายน้ำก่อนแล้วตามมากินด้วยกัน d(^-^)
ปลื้ม...ทานอาหารท่ามกลางขุนเขา 555
ลอยอืดดด
                      12:00 Check out พอดีกับที่พี่คนขับมารับพอดีเป๊ะ
ถึงละจ้า ดอยสุเทพ
                       16:00 ไปหาอะไรทานดีกว่า หิวแล้วววว ร้านที่พี่คนขับพาไปกิน ชื่อร้านอะไรจำไม่ได้แหล่ว แต่เป็นอาหารพื้นบ้านน่ะค่ะ เพราะเราอยากกินมากมาย มาเหนือก็ต้องอาหารเหนือสิคะ 555 แต่เราสั่งมาแค่ 2 อย่างเองอ่ะ เพราะกลัวกินไม่หมด บ้านเราไม่ชอบกินเหลือค่ะ เหอๆๆ
แกงฮังเล
แกงโฮ๊ะค่ะ
                       16:30 ได้เวลาไปสนามบินแล้วค่า กลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ ^-^

Veranda High Resort
สรุปคือเราประทับใจการบริการของที่นี่มากๆ บรรยากาศดี บริการเป็นเลิศ ห้องพักกว้างขวางและสะอาดมากๆ ถึงมากที่สุด ถ้าใครหาที่พักในเชียงใหม่แนะนำที่นี่เลยค่ะ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนนนน

ค่าเสียหายหลักๆ ในทริปนี้
- ค่าที่พัก ฟรี 2 คน 555 ...สรุปจ่ายค่าเตียงเสริมคืนละ 1,500 บาท 2 คืนก็ 3,000 บาท
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับคนละ 2,049 บาท
   ขาไป 10:45 - 12:05 / ขากลับ 19:50 - 21:10
- ซื้อทัวร์ไปขี่ช้าง ล่องแพ คนละ 1,090 บาท
- ค่า Taxi เที่ยวละ 460 บาท*3 เที่ยว = 1,380 บาท (ใช้ Taxi ตลอดเพราะรีสอร์ทอยู่ลึกม๊ากกกก)
- จ้างรถพาขึ้นดอยสุเทพและที่อื่นๆ รวมไปส่งสนามบิน ราว 5 ชม. 1,500 บาท
- ค่าอาหาร
คร่าวๆ คนละ 6,000 บาทค่า \(((-<)/

Sunday, June 22, 2014

ของที่ระทึกจาก POLAND ตอน 2

              หลังจากที่เริ่มติดต่อกันทางจดหมายมา ตอนที่ 2 ก็ได้เกิดขึ้นค่ะ เราได้ส่งจดหมาย พร้อมขนมของประเทศเราไปประชันบ้างว่า เราก็มีขนมที่อร่อยไม่แพ้นางนะเออ หลังจากนั้นอีกประมาณ 2 เดือน ขณะที่เราอยู่ที่ออฟฟิศเช่นเคย ปี๊เราโทรมาบอกว่ามีกล่องอะไรไม่รู้หนักมากส่งมาจากโปแลนด์อีกแล้วววว พอกลับบ้านมาเปิดกล่อง ขนมต่างๆ ก็บูมออกมาดังโกโก้ครันช์ท่วมทุ่งข้าวสาลี เหอๆๆ นางไม่ยอมแพ้เราจริงๆ
มาประชุมกันในห้องครัว
               และครั้งนี้เราก็ไม่ได้แกะทีละชิ้นมาถ่ายภาพและรีวิวอีก เพราะยังคิดไม่ทัน ช่างน่าเศร้ายิ้งนัก T-T และขนมก็มีเยอะมว๊ากเกินกว่าที่จะมาบรรยายสีซอง แล้วบอกว่าคืออะไรเหมือนครั้งก่อน เหอๆๆ เอาเป็นโดยภาพรวมเลย ช็อกโกแลตซะมากค่ะ คุณภาพใช้ได้ทีเดียวค่ะ มีเจลลี่แบร์ด้วย แต่ของเค้าตัวเบ้อเริ่ม นุ่มๆ กว่าของเราค่ะ อร่อยมากกกกก มีเวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลต Prince Polo อร่อยจนเราอยากจะบินไปซื้อ 555 เนื้อเวเฟอร์แน่นมากๆ ค่ะ ขนมปังกรอบรสเชอร์รี่ที่กัดแล้วมีเนื้อเชอร์รี่ด้วย และอื่นๆอีกมากมาย
Bird's Milk
               Ptasie Mleczko อันนี้เป็นขนาด 500 กรัมค่ะ มี 2 ชั้น มีทั้งหมดถึง 48 ชิ้น! กินกันให้ตายไปข้างค่ะ ครั้งที่แล้วเค้าส่งแบบ mini มาให้ สงสัยเห็นเราหิวโซ...
         




อันนี้เป็นช็อกโกแลตกลิ่นมิ้นท์ค่ะ กินแล้วแทบช็อค นึกว่ากินยาสีฟันอยู่ แต่เค้าบอกว่าคุณแม่เค้าชอบนะคะ อืม...ความชอบคนเรามันต่างกันจริงๆ




ชิ้นนี้เป็นคุกกี้พื้นเมืองของที่นั่นค่ะ เรียกว่า Bezy คล้ายๆ เมอแรง แต่เราว่าเมอแรงอร่อยกว่า อันนี้มันหวานอย่างเดียวง่ะ






ชิ้นนี้เหมือน M&M ค่ะ แต่เป็นรสผลไม้






           


                 ได้ภาพซูมมาแค่นี้ ฮือออ คราวหน้าจะถ่ายแบบชิ้นต่อชิ้นเลยค่ะ ไม่มีพลาดแน่ๆ ค่า

ของที่ระทึกจาก POLAND ปฐมบท

                เพื่อนชาวโปแลนด์ที่รู้จักกันมานานเกือบจะแรมปี ได้เกิดไอเดียบรรเจิด มาปลุกให้เราเขียน Snail Mail กันเถิด ทีแรกเราก็คิด....อืม ค่าใช้จ่ายในการส่งไปรษณีย์ข้ามทวีปน่าจะไม่น้อยเลยทีเดียว และมันก็ไม่น้อยเลยจริงๆ อย่างที่คิด 555 แต่เอาก็เอา ถือเป็นประสบเกินในชีวิต ตกลงกันว่าเราเขียนก่อน แต่ก็ลุ้นอยู่ว่าจะให้เราส่งไปเก้อรึป่าว เหอๆๆ เราเขียน จม. ไป 1 ฉบับพร้อมให้แบงค์ร้อยไปเป็นที่ระลึก 1 ใบ 555 ไม่รู้จะให้อะไรหนิ ... แล้วก็รอ ร๊อ รอ... เอ... จะถึงอย่างปลอดภัยมั้ยน้า... 1 อาทิตย์เท่านั้นค่ะ ได้รับแว้วว... 1 เดือนให้หลัง ณ ตอนที่เราอยู่บริษัท ปี๊เราก็โทรมาด้วยเสียงตื่นมั่กๆ ว่ามีของส่งมาจากโปแลนด์ เป็นซองอะไรไม่รู้ หนักๆ หนาๆ ไดนาไมต์จากกองทัพนาซีรึป่าว ... เออ แน่ะ ยังจะเล่น... พอกลับมาบ้านเราก็ตะกุยแกะเลยค่า.... ทุกคนลุ้นมากกกก เฮ้ย... อะไรอ่ะ เราส่งจดหมายไปใบเดียวกะแบงค์ร้อย นี่เธอซาบซึ้งเราขนาดนั้น ส่งขนมมามากมาย สำหรับเรา ณ ตอนนั้นถือว่ามากค่ะ ถ้าเทียบกะที่เราส่งไป 55555
สิ่งทีนางส่งมาแทนคุณเราค่ะ 555
                       น่าเสียดายที่เราไม่ได้เปิดทีละชิ้นๆ แล้วถ่ายรูปทำรีวิว ฮืออออ มันไปอยู่ในท้องเราและครอบครัวหมดสิ้นในเวลาไม่นาน
                ของที่นั่น หน้าตาแปลกดีค่ะ แน่ล่ะ อ่านไม่ออกสักตัว 555 แถมอร่อยใช้ได้เลยค่ะ เพิ่งรู้ว่าที่นั่นผลิตช็อกโกแลตเยอะมากๆ คุณภาพถือว่าดีเลยทีเดียว รวมทั้งพวกขนมต่างๆ ก็มีเยอะแยะมากมายหลายยี่ห้อ นางเล่าว่าที่ประเทศนางเนี่ย แหล่งของกินของยุโรปเลยนะเออ ไม่รู้โม้อ๊ะป่าว 555 มาลองรีวิวเท่าที่ยังอยู่ในความทรงจำดีกว่าค่ะ

              - Ptasie Mleczko (Mini) ซองสีแดงๆ ค่ะ ไม่รู้จะเขียนคำอ่านยังไง เอาเป็นว่าเค้าเรียกกันทั่วๆ ไปว่า Bird's Milk ค่ะ ไม่นับว่าเป็นช็อกโกแลตนะคะ ชิ้นนี้ เค้านับว่าเป็น candy ค่ะ แต่เราดูยังไงมันก็ช็อกโกแลตง่ะ เพียงแต่ใส้ในจะเป็น อืม...กึ่ง marshmallow แต่ไม่เชิง marshmallow ค่ะ เพราะว่าเนื้อในจะออกนุ่มเป็นเนื้อมูสมากกว่า คนที่อยากทานช็อกโกแลตแท้ๆ ไม่แนะนำค่ะ เพราะเค้าคือ candy 555 ส่วนตัวเราว่าอร่อยค่ะ เพราะเราชอบทานพวกเนื้อมูส ครีมอะไรพวกนี้อยู่แล้ว
              - Czekolady (Mleczna) ซองสีน้ำเงินค่ะ เป็นช็อกโกแลตบาร์รสนมค่ะ ไม่รู้ว่ามีในเมืองไทยรึป่าว แต่เราไม่เคยเห็นยี่ห้อนี้ แต่ดังมั่กๆ ที่ประเทศเค้านะคะ คุณภาพช็อกโกแลตใช้ได้เลย สำหรับเรา แต่เราไม่ได้เป็นสาวกช็อกโกแลตตัวยง เพราะเรากินได้ทุกยี่ห้อที่ไม่แย่จนเกินจะไปค่ะ ฮาาา
              - Kisiel ซองสีเขียวซ้ายบน อันนี้ขอบอกว่า เป็นเพราะเราอาจจะทำไม่ถูกสัดส่วน รสชาติเลยออกมาแปลกๆ ค่ะ 555 คล้ายๆ เป็นเจลผสมรสผลไม้ค่ะ เราว่าไม่ค่อยถูกปากสำหรับคนไทยแน่ๆ แต่เค้าว่าคนที่นั่นโดยเฉพาะเด็กๆ จะชอบทานค่ะ
              - Knorr ซุปไก่ค่ะ เป็นซุปไก่สำเร็จ ฉีกซอง เติมน้ำร้อน ถามว่าอร่อยมั้ย เราว่าผงชูรสเยอะง่ะ (T^T) กินแล้วเหมือนผมจะร่วง...
              - WOW อันนี้บ้านเรารู้จักกันดีค่ะ งาแผ่นกรุบกรอบ แผ่นบางหวานน้อยค่ะ ในความเห็นส่วนตัว เราว่างาแผ่นที่ใช้ไหว้เจ้าบ้านเราอร่อยกว่าค่ะ
             - Lyod Tea เป็นชาซองเหมือนที่เราเห็นทั่วๆ ไปค่ะ ที่เห็นเป็นรส Mulled wine ค่ะ เราไม่ใช่นักดื่มชาซะด้วย เลยไม่รู้ว่าชาที่อร่อยต้องรสชาติเป็นยังไง แต่อันนี้รสชาติเปรี้ยวและหอมมากๆ เลยค่ะ 

             แต่สิ่งที่เราประทับใจมากที่สุดไม่ใช่ขนมนะคะ แต่เป็นจดหมายค่ะ จดหมายที่เขียนมาถึง 10 หน้า 555 บ้าไปแล้ว เล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตกันเลยทีเดียว แต่ก็ทำให้เราเรียนรู้อะไรมากมายเลยค่ะ จากที่เราไม่เคยรู้อะไรเลยเกี่ยวกับประเทศๆ นี้ ทำให้เรารู้เลยค่ะว่ามิตรภาพนี่มันไร้พรมแดนจริง d(((-^)

อาหารจีนที่ Hong Kong Fisherman Cafe @ K Village

            มีช่วงนึงที่บ้านเราฮิตไปเดิน K Village มากค่ะ ไม่รู้เป็นอะไร 555 และแล้ววันนึงเมื่อไปถึง ก็เกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากกินอาหารจีนขึ้นมา เพราะคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าจะกินอะไรกันดี (((_-)
        เดินวนไปมาอยู่หลายรอบก็มาป๊ะร้าน Hong Kong Fisherman Cafe อยู่เต็มๆ หน้าค่ะ ไม่รอช้าก็กรูกันเข้าไปดังต้องมนต์ 555 ทั้งร้านมีครอบครัวเราอยู่ครอบครัวเดียวค่ะ เอาล่ะสิ ต้องมาวัดใจกันล่ะทีนี้ ... ที่ไม่มีคนเพราะไม่อร่อยหรือยังไม่ได้ฤกษ์ที่จะมีคนมากันน้า เหอๆๆ
        โต๊ะใหญ่มากค่ะ มากัน 5 นั่งได้ประมาณ 8 เป็นโต๊ะกลมมีหมุนๆ ตรงกลางแบบนั้นล่ะค่ะ และแล้วเราก็เปิดเมนู เพื่อเลือกอาหารกันอย่างขมักเขม้น...ขมักเขม้นจริงๆ นะคะ ผ่านไป 5 นาทีทุกคนยังถือเมนูโดยไม่มีใครสั่งอะไร 555 เลยถามคุณพนง.ว่า มีเมนูอะไรแนะนำมั้ยแจ๊ะ คุณพนง.บอกเป็ดย่างเผือก โอเค...จัดมา ไม่เคยทาน ต้องลองค่ะ



                   เป็ดย่างเผือกจ้า...อยากบอกว่ามันอร่อยเห๊าะไปเลย...เนื้อเป็ดย่างนุ่ม หนังกรอบ โปะด้วยเผือกทอด ซึ่งเผือกอาจจะเยอะไปหน่อย แต่เราชอบกินค่ะ เลยได้ใจไปเกินร้อย เหอๆๆ แต่น้องบอกไม่ชอบเพราะเผือกเยอะไป


        อันนี้คือ โกยซีหมี่ค่ะ ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ชอบกินกันจัง บอกตรงๆ เราว่ามันคือหมี่ผัดที่จืดจางมั่กๆ แต่ก็อย่างว่า รสนิยมคนเรามันต่างกันค่ะ เหอๆ




    


       กรรเชียงปูผงกะหรี่ เนื้อแน่น สดดีทีเดียวค่ะ รสชาติผงกะหรี่ก็ทั่วๆ ไปค่ะ เพราะมี๊ทำอร่อยกว่า 555


       กระเพาะปลาน้ำแดงค่ะ อร่อยทีเดียวค่ะ



               แมงกะพรุนยำไทย เอ๊ะ...แล้วมันจีนตรงไหน (((_-) แต่เมนูนี้ก็อร่อยเหาะไปเลยค่ะ แนะนำๆ ยำได้รสชาติพอดิบพอดี ไม่เผ็ดหรือเปรี้ยวโด่ง แมงกะพรุนกรุบกรอบ สดมากๆๆๆๆ


         ก๋วยเตี๊ยวหลอดหมูแดง อีกเมนูแนะนำ อร่อยมากมายค่ะ น้ำจิ้มหวานๆ กำลังดี นี่ยังฝันถึงอยู่เลยนะคะเนี่ย 555





             เผือกทอด เบสิกสุดๆ สำหรับอาหารจีน ต้องมีทุกโต๊ะ... รสชาติเหมือนมาจากแหล่งเดียวกับเอ็มเคค่ะ 5555






            สรุปก็เป็นร้านอาหารที่ประทับจิตประทับใจอีกร้านค่ะ ไม่รู้ว่ามีสาขาอื่นรึป่าว แต่สาขานี้อร่อยค่ะ อาหารสดมั่กๆ อ้อ รวดเร็วด้วยนะคะ สั่งปุ๊บไม่ถึง 10 นาที อาหารมาพร้อมกันหมดเลยล่ะค่ะ บริการดีทีเดียวค่ะ พอบ้านเรากินไปสักพักก้เริ่มครอบครัวอื่นๆ ทยอยเข้ามา แสดงว่ายังไม่ได้ฤกษ์ เราอาจจมาเร็วไป 555 ค่าเสียหายประมาณ 1500 บาทค่ะ คุ้มค่ากับราคามากๆ ค่ะ

ร้านอาหารญี่ปุ่น Yokoso... บังเอิญมาพบกัน o(((-<)o

                ร้านนี้มาเจ๊อะโดยบังเอิญค่ะ จริงๆ ตั้งใจจะไปทานอีกร้านที่รายการตลาดสดสนามเป้าแนะนำ แต่ไปถึงก็ได้กินแต่แห้วค่ะ เหอๆๆ เพราะเราไปถึงสี่โมง แต่ร้านเปิดหกโมง ที่จอดก็ไม่มี เลยตัดใจไปหาร้านอาหารญี่ปุ่นแถวๆ นั้นเอาดาบหน้า และแล้วดังสวรรค์เห็นความมุ่งมั่นที่จะกินให้ได้ เลยพาให้เรามาพบร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ที่ ถนนลาดพร้าวซอย 91 จากการขับวนไปมามั่วๆ 555 ร้าน YOKOSO ค่า
                เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ น่ารักทีเดียวค่ะ ด้านหน้าจะเป็นโต๊ะแบบร้านอาหารทั่วๆ ไป แคบๆ หน่อย แต่เดินเข้ามาจะเป็นโต๊ะสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ มีประมาณ 4 โต๊ะ เจ้าของบริการดีมั่กๆ เป็นสามีชาวญี่ปุ่น ตอนแรกเราได้โต๊ะด้านนอกนั่งแยกกันเพราะนั่งได้โต๊ะละ 2 คน แต่เราไป 4 คนค่ะ แต่ทว่าดั่งสวรรค์มีตาอีกแล้ว 555 พอมีคนโต๊ะในลุกออกไปปุ๊บ คุณเจ้าของรีบเคลียร์โต๊ะเอง แล้วรีบเดินมาบอกให้เราเปลี่ยนไปนั่งด้านในค่ะ ... ปลื้มง่ะ 

                
     
        มาถึงขั้นการสั่งอาหารแล้วค่ะ หิวโซจากการวนรถไปมา (((-<)/ อันแรกของเราเป็น ทงคัตสึ ข้าวหน้าหมูทอดแบบญี่ปุ๊น...ญี่ปุ่น 555 รสชาติเหมือนข้าวหน้าหมูทอดร้านอาหารญี่ปุ่นปกติค่ะ ไม่ได้อร่อยเหอะ แต่ก็อร่อยนะคะ ไม่ใช่ไม่อร่อย...เอ๊ะ ยังไง ฮาาา

     
     
        ต่อไปเป็นบะหมี่เย็นค่ะ ของปี๊เราเอง รสชาติก็ใช้ได้ค่ะ เนื้อหมูชิ้นใหญ่กำลังดี เนื้อนุ๊ม...นุ่ม น่าจะมาสัก 10 แผ่น บะหมี่เย็นมาพร้อมน้ำซุปรสชาติกลมกล่อมกับผักดอง



     

         คือจำชื่ออาหารไม่ได้ค่ะ แต่มันคือราเม็งอะไรสักอย่าง m(_ _)m เราว่ารสชาติเดียวกับข้างบน แต่เอาน้ำซุปที่แยกมาราดเป็นบะหมี่น้ำค่ะ


          อันนี้ใครๆ ก็รู้จัก ยากิโซบะค่ะ รสชาติก็อร่อยกว่าที่เคยกินๆ มานิดนึงค่ะ แต่เค้าให้เยอะดีนะคะ อิ่มกันถ้วนหน้า d(_ _)






       
          โอโคโนมิยากิค่ะ อันนี้แนะนำเลยค่ะ อร่อยมั่กๆ อ่ะ สำหรับเราตั้งแต่ที่กินมาทั้งหมด เมนูนี้อร่อยเหาะที่สุดค่ะ เหอๆๆ


            สุดท้ายแว้ว... แคลิฟอร์เนียมากิค่ะ ชิ้นใหญ่มากมาย น่ากินเป็นที่สุด แต่ข้าวจืดไปนิดส์นึง แต่ราคานี่น่าลองนะคะ ถ้าจำไม่ผิด 60 บาท ราคา ณ ตอนที่ไปนะคะ






             สรุปว่าเราประทับใจค่ะ ร้านน่ารักดี บริการก็ดีมากๆ ค่ะ รสชาติอาหาร ตามความเห็นเราก็มาตรฐานอาหารญี่ปุ่นปกติ ค่าเสียหายเราจำไม่ค่อยได้ค่ะ แต่น่าจะประมาณ 600 - 800 บาท น่าลองทีเดียวค่ะ 

บันทึกท่องเที่ยว : สิงคโปร์ครั้งแรกกับปี๊มี้ (10พ.ย.55)

                   วันที่ 10 พ.ย.55 Garden by the bay / Marina / Little India
                   วันนี้ตื่นแต่เช้าเช่นเคย ออก 7.00 น.เป๊ะ เช็คเอ๊าท์ ฝากกระเป๋ากะโรงแรม และออกมาแบบงงๆ...เพราะไม่ค่อยได้เตรียมแผนไร (จริงๆ เพราะมันพังตั้งกะวันแรกอ่า) เลยไป  Garden by the bay แล้วกัน แต่ต้องไปกินข้าวก่อน... ไม่มีคนเรย ดีที่เปิด 24 ชม. มื้อนี้เรามีความสุขมาก สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า....อร่อยเหาะง่ะ เข้มข้น โอย...อยากกินเจ้านี้อีก คนขายก็ใจดี๊ ใจดี กับอีกอันข้าว Kofie อะไรสักอย่าง กินไปก็บอกปี๊ว่า อร่อยเนอะจานนี้อ่ะ กลิ่นเครื่องเทศหอมกำลังดี เนื้อหมูหมักก็อร๊อย...อร่อย มี้เลยขอชิมบ้าง มี้พง่ะ แล้วโพล่งว่า นี่ไม่ใช่หมู๊...ไก่ก็ไม่ใช่ มันเหม็บสาบ (แต่เราไม่รู้สึกนะ) ปี๊เดินไปชี้โบ๊ชี้เบ๊กะคนขายได้ความว่า เนื้อแกะครับเฮีย...(o_O")

อร่อยมั่กๆ น้องแกะสับ
                    โอเค ได้เวลาเคลื่อนพลไปสถานี Bayfront ลงมาขึ้นรถไฟฟ้า ไม่มีคนเลยจริงๆ เหมือนเมืองร้างที่โดนผีชีวะบุก..มาถึงก็เดินทางลอดเป็นทางยาวๆ ที่ข้างทางเป็นกระจกใหญ่ๆ กับภาพต้นไม้ ดอกไม้ไปสู่ Garden by the bay มาถึงตอนแปดโมงก็ยังไม่ค่อยมีคน ที่เดินมานี่ผ่านคนมาไม่ถึง 5 คน เหอๆๆ เราเดินเข้ามาแว้ว เป็นสวนจีน คือบางสวนต้องเสียค่าเข้า แต่สวนไรบ้างนั้นเรามิทราบ...ฮา เพราะตอนเรามาไม่มีผู้ใดเลย เราก็เดินๆ ไปสักพักก็คิดว่าบรรยากาศดีเลยล่ะ ลมเย็นสบาย จัดสวนสวยดี แต่มี้เบื่อแล้ว...ไหนว่าชอบธรรมชาติไง หันหลังกลับเจ๊าะโรงแรม Marina Bay พอดี ไปเยี่ยมชมหน่อย มี้อยากไปยล มี้ชอบมากอยากมาพักที่นี่...บอกคราวหน้าถ้ามาจะมาพักที่นี่...หนูว่าถ้าพักที่นี่ก็อยู่ในโรงแรมให้คุ้มนะ ไม่ต้องไปไหน...ฮา พอเดินออกมาเราก็พบว่ามีทางออกสถานี Bayfront อยู่หลังโรงแรมด้วยอ่า โง่เดินไกลไมเนี่ย ถัดจากโรงแรมก็
สวนสวยมั่กๆ แต่ฝีมือเรามันห่วยเอง
เป็นห้างมาริน่า เดินทะลุผ่านไปก็เป็นลานกว้างๆ ที่มองไปอีกฟากจะเป็น
Merlion Park กะพวกโรงละคร ที่อยู่ฝั่งกระโน้น สวยดี...วันนี้อากาศแจ่มใส ทำไมไม่แจ่มเมื่อ 2 วันก่อนอ่ะเนี่ยคนเรา... เรากะมี้ขาเดี้ยง นั่งแช่กันริมอ่าวนี่แหละ ผลพวงจากการทารุณขาอย่างรุนแรงมา 2 วันเต็มๆ กะเมื่อเช้า แต่ปี๊...ยังขอไปเดินดูรอบๆ อีกสักรอบ โอ้ ปี๊แข็งแรงมากอ่า...อย่างนี้ไปที่อื่นคราวหน้าจะล่อสัก 5 วัน... ตอนนี้สิบโมงกว่าๆ เราว่าจะไปเดิน China town กับ Little India แต่เวลาและเงินในบัตรรถไฟฟ้าไม่อำนวย เลยต้องเลือกสักแห่ง เลยไป Little India


ลืมถ่ายห้าง เอาไปแต่ถนน...
           และเราก็คิดว่า Little India เป็นคำตอบที่ถูกต้องนะคร้าบ... ถนนหนทางแถบนี้สะอาดกว่าที่คิดแฮะ ร้านค้าผัก ผลไม้ก็สะอาดเป็นระเบียบ (ไม่เหมือนตลาดสดบ้านเรา เหอๆ) ไม่น่าเชื่อ...เออ แต่นี่เราอยู่สิงคโปร์นี่หว่า...ไม่แปลกๆ จุดมุ่งหมายเราคือ Mustafa เราจะไปซื้อของฝากกัน เดี๋ยวคนทางบ้านน้อยใจ ของเยอะมาก แต่ที่นี่เราว่าไม่ค่อยสะอาด ก็ไม่ได้อยู่บนถนนแล้วนี่...ไม่โดนปรับ 55 เรากะปี๊มี้เลือกซื้อพวกช็อกโกแลตรสแปลกๆ ที่ไม่น่ามีที่บ้านเรา หมดไปเกือบสองพันกว่าบาท อยู่เมืองไทยไม่เคยคิดจะซื้อเยอะขนาดนี้เลยนะเนี่ย อย่างมากก็ร้อยสองร้อย...

           จับจ่ายเสร็จก็เดินออกมา ทีแรกวางแผนจะเดินกลับไปสถานี Little India แต่ทว่าเป็นไงไม่ทราบ ลองเสี่ยงเดินไปมั่วๆ อ๊ะ มาเจอสถานี Farrer Park ใกล้มั่กๆ รู้งี้มาลงสถานีนี้ดีกว่า... ดีไม่หันหลังกลับไป Little India ที่ไกลเป็นกิโล ตรงข้ามสถานีนี้มีห้างค่ะ ชื่อ City Square Mall เพิ่งจะบ่ายเอง เลยแวะหน่อย มาสิงคโปร์ทั้งทียังไม่ได้กินข้าวมันไก่เลยง่า o(((-<)o ไม่ได้ไปกินที่ไชน่าทาวน์เจ้าดัง มากินในห้างก็ได้ อาจจะมาจากแหล่งเดียวกัน...ฮาาา เราสั่งเป็นชุดค่ะ ไก่ 1 จานใหญ่ ข้าว 3 ถัง...จานค่ะ จาน แต่ให้เยอะมากกก กับบะหมี่แกง? 1 ชาม เบ็ดเสร็จก็ราวๆ 600 กว่าบาท เนื้อไก่เค้าอร่อยจริง อะไรจริงค่ะ เนื้อนุ่มชุ่มช่ำ กลับบ้านมายังฝันถึงอยู่เลย เหอๆ

          อิ่มหนำสำราญกันแล้วก็ไปช้อปต่อค่ะ กะว่าจะไม่ซื้ออะไรแล้ว แต่ทว่า...งบที่เราใช้ไปตั้งแต่วันแรกนั้นเหลือมากคณานับ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระบายออกบ้าง 555 เห็นว่า Charles & Keith ที่นี่ถูกก็เลยไปแวะสักหน่อย... ถามว่าถูกมั้ย ก็ถูกกว่าบ้านเราหน่อยนึง หน่อยเดียวนะคะ (((-<)> ถ้านั่งเครื่องมาซื้อก็ไม่คุ้มแน่ๆ ค่ะ 555 พอช้อปเสร็จก็ไปขึ้น MTR สถานี Farrer Park กลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรมค่ะ

          แล้วก็ได้เวลาโบกมือลาสิงค์โปร์ ไปขึ้นเครื่องตอนสองทุ่มครึ่ง มาก่อนเวลาตั้ง 2 ชม. แถมเครื่องดีเลย์อีกครึ่งชั่วโมง (((_-) แต่ยังไงก็เป็นทริปแรกที่พาปี๊มี๊มาเที่ยว มีความสุขที่สุดในชีวิต 555             

         สรุปค่าเสียหายหลักๆ ในทริปนี้
         - ค่าเครื่องบินไปกลับจองไปคนละ 8,000 บาท ... แพงมั่กๆ แต่ก็ครั้งแรก ไม่รู้ประสีประสา (((_-)
            ขาไป 7:25 (BKK) - 10:25 (SG) / ขากลับ 20:30 (SG) - 21:30 (BKK)
         - ค่าโรงแรม Hotel Bencoolen 3 ดาว ห้อง Superior Plus นอน 3 คน คืนละ 4,134 บาท นี่ก็แพงอีก...
         - ค่าบัตร EZ Link คนละ 22$ (ประมาณ 550 บาท) + ค่าโดยสารอื่นๆ 7.5$ (ประมาณ 188 บาท)
         - Night Safari 25$ (ประมาณ 625 บาท) / Universal Studio 59$ (ประมาณ 1475 บาท)
         - ค่าอาหาร
         - ค่าช้อปปิ้ง
         รวมแล้วตกคนละ 15,000 บาท... แพงจุง (((_-)