Saturday, April 23, 2016

รีวิวเสริมจมูกกับหมอกริช สุขุมวิท 22

รีวิวเสริมจมูกกับหมอกริช สุขุมวิท 22

          เนื่องจากคุณน้องสาวได้ตัดสินใจไปทำศัลยกรรมเสริมจมูกมาเมื่อต้นเดือนเมษาที่ผ่านมา นางจึงอยากจะให้นำรีวิวนี้ออกมาเผยแพร่ให้แก่สาวๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ สำหรับผู้ที่สนใจหรือกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นะคะ
          เห็นหลายๆ ท่านนิยมบินไปทำศัลยกรรมกันที่ประเทศเกาหลี จริงๆ ก็แล้วแต่ศรัทธาและเงินในคลังของแต่ละท่าน ฮาาาา.. แต่อยากบอกว่า ศัลยแพทย์ชาวไทยที่เก่งๆ นั้น ยังมีอยู่อีกมากไม่แพ้เกาหลี และ (เดาเองว่า) น่าจะรู้ถึงโครงสร้างหน้าของเราคนไทยดีกว่าแพทย์ชาวต่างชาติ การผ่าตัดเสริมจมูกของน้องเราผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ แค่เพียง 2 อาทิตย์ นางก็สามารถกลับมาใช้จมูกได้อย่างปกติแล้วล่ะคร่าาา เอาเป็นว่ามาดูรูปก่อนทำกันเลยดีกว่าค่ะ เป็นการพลีชีพโชว์หน้าสดแบบโนเมคอัพ โนแอ๊บใดๆ แบบแฟนมาเห็น มีบอกเลิกอ่ะค่ะ สงสารนาง แต่เพื่อทุกสาวๆ ทุกคน 55555
          ภาพด้านบนนี้เป็นหนังหน้าแบบไม่ผ่าน Photoshop ด้านซ้ายคือแบบแต่งหน้า ด้านขวาคือหน้าสดมันแพร็บ (เอ๊ะ...บอกทำไม ดูปุ๊บรู้ปั๊บ ฮาาาา ^A^") สังเกตว่า จมูกนางจะเล็ก ไม่มีดั้ง แต่ดูแล้วก็ไม่น่าเกลียดอะไร ตามความเห็นของท่านพ่อท่านแม่ จึงไม่ค่อยสนับสนุนให้ทำเท่าไหร่ แต่นางทนไม่ได้กับดั้งแหมบๆ แบบนี้อีกต่อไปเลย ลุย! เริ่มจากการหาข้อมูลมากมายจากอินเทอร์เน็ตและเว็บพันทิป นางกล่าวว่าหาข้อมูลมาเป็นปีๆ เพราะต้องการความมั่นใจสุดๆ ว่าไม่มีรีวิวหลุดมาว่า หมอคนนั้น คนนี้ไม่ดีอะไรยังไง แล้วนางก็ตัดมาเหลือ 2 ช้อยส์ ระหว่างหมอกริช สุขุมวิท 22 กับหมอสำรวย จรัญฯ 35 และแล้วนางก็ได้ตัดสินใจไปทำกับหมอกริช เนื่องจากชอบแบบธรรมชาติ เห็นหลายๆ คนบอกหมอกริชทำได้ธรรมชาติมากๆ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย นึกว่าโด่งมาแต่เกิด 55555
          เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็เดินทางไปสำรวจคลินิกก่อนซิว่าไว้ใจได้รึเปล่าน้อ พอไปถึงนี่ไม่ได้พบหมอเลยนะคร้า ไม่เห็นแม้แต่เงาคุณหมอเลยคร่า เจอแต่คุณพนักงานต้อนรับ ให้ลงนัดเอาไว้ว่าจะทำวันไหน ซึ่งได้คิวเร็วมากกกก ลงวันนี้ทำอาทิตย์หน้า (o-O) (ตอนแรกมโนว่าอาจจะได้คิวซักอีกเดือนหรือสองเดือน) เร็วจนคิดในใจว่า 'เฮ้ย...ที่นี่ดีจริงเปล่าแฟร้ ทำไมได้คิวค่อดเร็ว' อ่อ...ราคาเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 20,000 บาทนะคะ จ่ายมัดจำก่อน 2,000 บาทค่ะ
          พอถึงวันนัดทำ ก็ได้พบคุณหมอกริชครั้งแรกคร่าาา ซึ้งน้ำตาแทบไหลพราก T-T คุณหมอไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ดูๆ หน้าแล้วแค่ถามว่า 'จะเอาโ่ด่งๆ เลยมั้ย' นางก็ตอบกลับทันควันว่า 'ขอแบบธรรมชาติค่ะ ขอหยดน้ำด้วยนะคะ' หมอก็แนะนำมาแบบดับฝันว่า 'ถ้าทำหยดน้ำ จมูกอาจจะทะลุเพราะเนื้อปลายจมูกบาง' นางก็ได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆ แล้วหมอก็บอก ให้ทำเลยค่ะ ช่วงบทสนทนาจนถึงขึ้นเขียงนี้เร็วมาก นี่คือปรึกษาแล้วใช่ม้ายยย <(o-O)> อ่อ... แล้วก็ซีลีโคนที่ใช้เป็นแบบนิ่มนะคะ
          การผ่าตัดใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที เสียไปแล้วสองหมื่น 5555 ตอนผ่าตัดฉีดยาชาค่ะ ไม่รู้สึกอะไร
เสร็จแล้วคร่า
          ผ่าตัดเสร็จก็ชิวๆ เพราะยาชายังออกฤทธิ์ ผ่าเสร็จ แถมฟรี! ผ้าปิดแผลเป็นแถบๆ แบบภาพด้านบน ไม่เจ็บ ไม่บวม เพราะเพิ่งทำเสร็จ รอดูพรุ่งนี้สิคะ ซี๊ดเลยล่ะคร่าาา 55555 ผ่าตัดเสร็จคุณพนักงานจะให้ใบแนะนำการปฏิบัติตนหลังผ่าตัดนะคะ ที่สำคัญคือ ควรนอนหัวสูงค่ะ ถ้าไม่ทำตามจะเป็นเช่นไรน่ะหรือ ฮึๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวมีตัวอย่างให้ชมคร่า
          และภาพบนนี้เป็นผลงานของวันที่ 2 ค่ะ ตอนกลางคืน นางเผลอนอนหัวต่ำค่ะ ตื่นมาบ่นปวด สังเกตจากภาพทางขวา จะเป็นรอยช้ำๆ ทะลุออกมานอกผ้าก็อต จากภาพอาจจะไม่ค่อยเห็น แต่ตัวจริงคือ หน้าบวมอลึ่งฉึ่งค่ะ เหมือนเลือดมันไหลไปรวมกันที่แผลผ่าตัด 55555 จากนั้นนางก็เงยหน้าตลอดเลยคร่า 
          วันที่ 3 ความบวมและช้ำน้อยลง แต่ก็ยังเห็นอยู่ เห็นแล้วก็แอบรู้สึกเจ็บแทนนางเล็กๆ นางก็ทำกิจกรรมอะไรไปตามปกติ ไม่ได้ระวังอะไรมากมาย แถมยังเอากรรไกรไปตัดไหมที่โผล่ออกมาจากรูจมูกอีกต่างหาก =. .= ไม่พอเอาไม้ปั่นหูไปแหย่ซับเลือดที่แห้งกรังในรู ทั้งๆ ที่ทางคลินิกกำชับแท้ๆ ว่า อย่าไปยุ่งอะไรกับแผล ถ้าอยากล้างแผลหรืออะไรให้ไปที่คลินิก นางนี่น้า...
          วันที่ 4 แล้วคร่า นางตัดสินใจเด็ดขาด ดึงเอาผ้าปิดแผลออก ผ่าง! ตอนดึงออกมาแอบหวั่นใจ ว่าหน้าตาจะเหมือนพระพิฆเนศแบบที่เคยมีคนมารีวิวในพันทิปรึเปล่า แต่อาจจะเพราะแผลยังบวมอยู่ คงต้องรอดูอีกซักพัก เหอๆๆๆ 
          วันที่ 5 จ้า แบบหน้าข้างๆ จะเห็นว่า ความบวมมันน้อยลงจริง อะไรจริง นางบอกว่ายังรู้สึกตึงๆ แต่ก็ไม่เจ็บอะไร ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแปลกปลอมอยู่ในจมูก และที่สำคัญยังเอาไม้ปั่นหูแยงรูจมูกทำความสะอาดเองเช่นเคย =. .=
          7 วันผ่านไปไวเหมือนโกหก 5555 หน้าตาดูผุดผ่องขึ้น รอยช้ำจางไปมาก หน้าตาเริ่มกลับมาเหมือนคนอย่างไม่น่าเชื่อ กดฟอร์เวิร์ดเร็วๆ และแล้วก็ผ่านไป 2 อาทิตย์
          หมอนัดให้นางไปตัดไหมวันที่ 16 เมษา แต่ทว่านางมีบินจ้า ไปไม่ได้ เลยต้องเลื่อนนัด ที่น่าตกใจคือ เหมือนจะเคยได้ยินว่า คนที่เพิ่งผ่าตัดมา เค้าจะไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่อง เพราะกลัวว่าแผลจะปริเนื่องจากความกดอากาศบนความสุงระดับที่บินนั้นจะต่างกับบนภาคพื้นมาก แต่นางไม่มายด์จ้า และกลับมาอย่างปลอดภัย แสดงว่าทฤษฎีนั้นไม่จริงน่ะสิ =_=
ภาพซ้ายคือก่อนศัลฯ ดูสิ นางก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ภาพขวาคือทำแล้ว
          แหม่...ดูจากภาพ Before กับ After แล้ว เหมือนจะไม่มีความต่าง 5555 เพราะนางน่ารักดีอยู่ก่อนแล้ว นางกลับมาเล่าหลังบินว่า มีแต่คนทักนางว่าไปทำอะไรมา หน้าตาดูแบ๊วขึ้น แสดงว่า จริงๆ แล้วมันมีความเปลี่ยนแปลงสินะ =. .=
          การรีวิวก็จบลงแต่เพียงเท่านี้คร่า ใครมีข้อสงสัยอันใดก็สามารถเม้นท์ถามกันได้จ้า ยินดีให้คำปรึกษาคร่า