ทริปยุโรปตะวันออกนี้เกิดขึ้นมาแบบงงๆ เพราะเราตั้งใจว่ายังไงก็ต้องไปญี่ปุ่นก่อนให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ไปซะงั้น~ (((-<)> พอคิดได้ปุ๊บก็เข้าเว็บหาตั๋วเครื่องบินปั๊บ และเนื่องจากว่าเราเดินทางกับป๊าม้ามา 2 ทริป ที่สิงคโปร์กับฮ่องกงแล้ว (แต่ฮ่องกงยังไม่ได้เขียน ฮา~) ทำให้เลเวลในการหาของถูกนั้นอัพขึ้นมาเป็นอย่างมาก หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแสนแพงไปในทริปสิงคโปร์ ฮ่าๆ
ขั้นแรก เลยก่อนหาข้อมูลอะไรทั้งปวง เราจะต้องรู้ก่อนว่าเราจะไปไหนดีหว่า (?) อันนี้สำคัญ เพราะข้อมูลอื่นๆ จะค่อยๆ พร่างพรูเข้ามาตามลำดับ เราตกลงว่าจะไป 4 ประเทศ (คือจริงๆ ตอนนั้นคิดนานมาก อยากไปนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด) สรุปก็คือ
เยอรมัน >> ออสเตรีย >> เชค >> โปแลนด์ และจะไปเป็นการเดินทางแบบบินไปเยอรมันกลับจากโปแลนด์ เพราะเราไม่อยากเสียเวลาเดินทางกลับไปเยอรมันขึ้นเครื่อง ^-^"
ขั้นที่สอง คือการหาตั๋วเครื่องบินนะคร้า ซึ่งเราก็ได้ข้อมูลมาจาก Pantip อีกที ต้องขอขอบพระคุณเว็บ Pantip เป็นอย่างสูงที่ทำให้ทริปนี้ของเราเกิดขึ้นได้ เราเริ่มด้วยการเสิร์ชหาเที่ยวบินจากเว็บจองตั๋วเครื่องบิน online อยู่ 2 เว็บค่ะ นั่นก็คือ
- Cheapticket.com (เราใช้อันนี้มากกว่า)
- Skyscanner.com
โดยเลือกแบบ "หลายเส้นทาง" เพราะอย่างที่บอกว่าเราจะไม่เดินทางกลับไปเยอรมันเพื่อขึ้นเครื่องกลับ โดยเราเลือกเส้นทาง BKK - Munich (28-03-15) และ Krakow - BKK (14-04-15)
|
หน้าเพจ Cheap Ticket ค่ะ |
ตั๋วเครื่องบินนี่เราก็ส่องอยู่นานเหมือนกันนะคะ หลายอาทิตย์อ่ะ 555 ตอนแรกเห็นของ Swiss Air อ๊ากกกกส์ 23,xxx เองง่ะ แต่จองไม่ทัน งื่ออ มัวแต่ลังเล ...o(_ _o) สุดท้ายมาได้ของ FINN Air ค่ะ ราคาตั๋วไป-กลับ 26,490 บาท ต้องไปต่อเครื่องที่ Helsinki d(_ _o)
แต่อยากบอกว่าเราไม่ได้จองกับเว็บออนไลน์นะคะ เราจองตรงกับสายการบินเลย เราใช้เว็บหล่านี้เพื่อเช็คราคาเท่านั้นค่ะ อยากบอกว่าจริงๆ จองตรงกับสายการบินเลย บางทีก็ได้ราคาที่เท่ากันหรือแพงกว่านิดเดียวเอง แต่ไม่ต้องกรอกอะไรยุ่งยากมากมายและจองปุ๊บ คอนเฟิร์มปั๊บ (ตัดเงินปุ๊บเลยเหมือนกัน T-T)
ขั้นที่สาม วางแผนก่อนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างงง ในแต่ละเมือง อีตรงนี้แหละค่าาา คิดหลายอาทิตย์อีกแล้ว 5555 เราไปทั้งหมด 8 เมืองค่ะ ลิสต์ที่ท่านจะพบต่อไปนี้เป็นแผนคร่าวๆ ที่คร่าวมากๆ ของเรานะคะ เพราะเราไปมาหลายเดือนแว้ว เหอๆๆ
- Helsinki 1 : เรามาถึงประมาณเกือบ 6 โมงเย็นค่ะ ขึ้นเครื่องไปมิวนิคแต่เช้า เลยนอนสนามบิน
- Munich 2 : พระราชวัง Nymphenburg & Park และพิพิธภัณท์ราชรถ Marstall
- Munich 3 : โบสถ์ St.Johann Nepomuk, โบสถ์ St. Michael
แล้วก็โบสถ์อีก 2 - 3 แห่งที่เราจำชื่อไม่ได้ o(_ _o), Residenz München, Hofgarten,
Marienplatz, Neues Rathaus, New Town Hall Tower และตลาด Viktualien
- Fussen 4 : ปราสาท Lindehof, หมู่บ้าน Obermmagau, ปราสาท Neuschwanstein
- Salzburg 5 : พระราชวังและสวน Mirabell, บ้าน Mozart, St. Sebastian church & cemetery
- Salzburg 6 : ป้อม Festung Hohensalzburg, Kapitelplatz
Mozartplatz, New Residenz, Salzburg cathedral, Residenz square and fountain,
St. Peter's Achabbey และตรอก Getreidegasse
- Salzburg 7 : ขึ้นเขา Untersberg, พระราชวัง Hellbrun & Trick fountain และ Salzburg Zoo
- Vienna 8 : พระราชวัง Schoenbrunn, บังเอิญเจอเทศกาล Easter เลยมีตลาดนัดให้เดินเพลิน
- Vienna 9 : วันนี้เราเดินไปหลายที่ค่ะ เราได้แผนที่การเดินมาจากเว็บๆ นึง แต่ว่าเราลืมชื่อเว็บไป
แบ๊ว o(_ _o) จำได้ว่าเซฟไว้ที่ไหนซักแห่ง ถ้าหาเจอจะเอามาแปะให้นะคร้า ซึ่งเว็บนี้
เค้าจะมีให้เดินเที่ยว 2 แบบคือแบบ City Tour เน้นเดินในเมืองและ Ring Tour เน้น
เดินรอบนอกเมืองคร่า ถึงมีแผนที่ก็ยังหลง ถถถถถ...จำได้แม่นๆ เลย คือ
แวะรัฐสภาออสเตรียกับมหาวิหาร St.Stephen~
- Vienna 10 : วันนี้เราเดินแบบ Ring Tour ค่ะ จำได้แม่นๆ ที่เดียวคือ แวะพระราชวัง Belvedere
- Cesky Krumlov 11 : โบสถ์ St.Vitus, Plague Column, Town Hall, ปราสาท Cesky Krumlov
แล้วก็เดินในเมืองเพลินๆ ค่ะ ที่นี่สวยมาก เหมือนไม่มีอยู่จริงบนโลก (o-O)
- Prague 12 : วันนี้มาถึงก็บ่ายแก่ๆ ที่จำได้แม่นๆ ก็ไปสะพาน Charles, หอนาฬิกาดาราศาสตร์ แล้ว
ก็เดินเล่นใน old town
- Prague 13 : ปราสาท Prague ภายในบริเวณปราสาทจะมีสถานที่สำคัญ อย่างมหาวิหาร St.Vitus,
St.George Basilica, Golden Lane ส่วนตอนบ่ายๆ ก็ไป National Museum กับถนน
คนเดิน Wenceslas
- Gliwice 14 - 15 : 2 วันนี้เรามาแวะบ้านแควนคร่า พ่อแม่เราก็อยู่น้า~ อิๆ แต่เมืองนี้ก็มีอะไรน่าเดิน
นะคะ ถึงจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แฮะๆ (((A^)> อย่าง Town Square แล้วก็บ้าน
ของเศรษฐีสำคัญในอดีต William Caro ที่เปิดบ้านให้เป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนเข้า
ชมฟรี ในวันอาทิตย์คร่า (วันอื่นเสียตังค์ T-T)
- Krakow 16 : วันนี้ตั้งใจมาเดิน old town, ถนน Grodzka, โบสถ์ St.Peter & St.Paul, Cloth Hall
ตอนนี้กลายเป็นขายของที่ระลึกตรึมคร่า, ตลาด Glowny, St.Mary Basilica,
St.Florian's Gate, Krakow Barbican
- Krakow 17 : ปราสาท Wawel บริเวณปราสาทก็จะมี มหาวิหาร, Wawel Hill, ถ้ำมังกรและ
พิพิธภัณฑ์ศาสตราวุธ ตอนบ่ายๆ ก็กลับไปเดินใน old town อีกเพราะเราชอบ
บรรยากาศดีมากๆ คร่าตรงจัตุรัสกลางเมือง
- Krakow 18 : เราขึ้นเครื่องตอนเที่ยงครึ่งค่ะ เลยเตรียมตัวอย่างเดียว วันนี้เศร้ามากอ่ะ T-T
*ป.ล. อาจจะมีบางคนสงสัยว่าทำไม๊เราไม่ไปค่ายกักกันชาวยิว... เรากลัวอ่าาา บอกเลอ ทำใจไปไม่ด้ายยยเจงๆ แล้วทำไมเราไม่ไปเหมืองเกลือ Wieliczka อันโด่งดังล่าาา ก็เพราะเราเห็นขั้นบันไดที่ต้องลงแล้วสงสารแม่คร่าาา แม่เราเข่าไม่ดีง่าาา T-T
ขั้นที่สี่ รู้ที่เที่ยวจุดต่างๆ แล้วก็จองโรงแรมคร่า~ เรื่องจองโรงแรมนี่งานถนัดของเรา แต่ว่าไปถึงแล้วจะได้เรื่องรึเปล่านี่อีกเรื่องนะคะ ฮา~ เอาเป็นว่าพยายามเลือกโรงแรมที่เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก จริงๆ ไม่ต้องใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากๆ ก็ได้ เอาแค่มีรถไฟฟ้า รถรางหรือรถเมล์ตัดผ่าน และไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยก็พอค่ะ 55555 เราเลือกใช้อยู่ 2 เว็บ ณ ตอนนั้น แต่อยากบอกว่าเสียใจเหลือเกิ๊นที่ตอนนั้นไม่รู้จัก Hotel.com o(((^T) อยากบอกว่าจอง 10 คืนฟรี 1 คืนกับโรงแรมที่ร่วมดีล ฮืออออ ขอย้อนเวลากลับเด๋วเน้~
เว็บที่ใช้ตอนนั้น แบบว่าเข้ามันเกือบทุกวันคือ
- Agoda.com
- Booking.com
เราจองจาก 2 เว็บนี้และอยากบอกเหลือเกินว่าแต้มที่สะสมกับ Agoda หมดอายุแว้ววว T-T Agoda ขอแบบ Forever Reward ได้ม้ายยย ฉันเป็นลูกค้าประจำนะเออ... (((-=) เด๋วฉันจะไปใช้ Hotel.com แทน
ส่วนเราจองโรงแรมไหนไปบ้างนั้นไว้จะมารีวิวแยกออกมาอีกหัวข้อเลยคร่า คูณณณณผู้ชมมมม...
ขั้นที่ห้า หาข้อมูลการเดินทางคร่า ข้อมูลก็เยอะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง 555555 แบบว่าเราอ่านเยอะมากกก ที่เราหาอ่านเยอะก็ Pantip, Tripadvisor แล้วก็เว็บไซต์ของบัตรโดยสารต่างๆ ซึ่งพอข้อมูลมันเยอะ เราก็จะเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูกละว่า ฉ๊านนนจะอ่านอะไรก่อนดีล่า... คือแบบเราเป็นแบบนั้นเบย~
เราเลยตั้งสติ เอาเป็นว่าเริ่มจากเมืองแรกแล้วค่อยๆ ไล่ไป ถ้าเราอ่านข้อมูลนี้อยู่ แล้วเกิดมีข้อมูลเรื่องรถราของเมืองอื่นมาเตะตา อย่าไปสนใจ เซฟไว้ก่อนแล้วค่อยเอามาอ่านประมวลผล ลั้ลลา~
เว็บที่น่าจะมีประโยชน์กับทุกคนที่จะเดินทาง น่าจะประมาณนี้ค่ะ
-
http://www.bahn.com/i/view/GBR/en/ เว็บรถไฟของเยอรมัน มีข้อมูล Bayern Ticket ที่เราใช้บ่อย เพราะเราเดินทางกับพ่อและแม่ค่ะ
-
http://www.oebb.at/en/ เว็บรถไฟของออสเตรีย เราใช้เว็บนี้บ่อยมาก เพราะเราสามารถวางแผนการเดินทางได้เลยว่าจากไหนไปไหนทั้งใน Salzburg และ Vienna ต้องนั่งรถไฟ, รถรางหรือรถเมล์สายอะไร เดินต่อรถกี่นาที คือสะดวกมากๆ ค่ะ
-
http://www.beanshuttle.com/ เราใช้เดินทางจาก Vienna ไป Cesky Krumlov ค่ะ เค้าใช้รถของ CK Shuttle มารับเลยค่ะ เพราะเจ้าเดียวกัน แต่ราคาเป็นมิตรกับผู้โดยสารมากกว่า 5555 คนขับน่ารักมากกก เฟรนลี่สุดๆ ตอนบริษัทเค้าส่งแบบสอบถามความพึงพอใจมา เราให้ 5 ดาว บวกๆๆๆ เลยค่ะ 5555
-
http://www.studentagencybus.com/ เลิศเลอค่าาา เจ้านี้ เราใช้เดินทางจาก Cesky ไป Prague
-
http://www.tigerexpress.eu/en/ เจ้านี้ก็บริการดีมากค่าา ราคาก็ถูกสุดๆ เราใช้เดินทางจาก Prague ไป Gliwice ค่ะ แต่ก็มีวิ่งไปถึง Krakow ด้วยนะคร้า
- สุดท้ายคือ Google Map มีประโยชน์มากที่สุดค่ะ แต่ทว่าาาา ข้อมูลบางอย่างอาจจะไม่ค่อยอัพเดท เพราะเราเชื่อเธอว์เกินไป เราเกือบตกรถไฟที่ต้องนั่งจาก Prague ไป Gliwice แหน่ะ T-T
ขั้นที่หก วีซ่าคร่า~ ไม่ผ่าน แผนอื่นเป็นอันล่ม เพราะฉะน้านทำอย่างไรก็ได้ให้ผ่านทีเถ๊อะ~ อันนี้อาจจะยาวหน่อยเพราะเราคันปากกับสถานทูตออสเตรียอันทรงเกียรติ ณ ประเทศไทยมว๊ากกกคร่า
เนื่องจากว่าเรานั้นหรือช่างใสซื่อ เห็นเค้าว่าถ้าเราอยู่ประเทศไหนนานที่สุด ให้ไปขอวีซ่าสถานทูตประเทศนั้น เราก็มาไล่ดู โอเค...อยู่ออสเตรียนานที่สุดราว 6 วัน เตรียมหาข้อมูลเพื่อไปขอวีซ่าที่สถานทูตออสเตรีย ยิ่งอ่านยิ่งนอยด์ เพราะอะไรนั้นหรือ เพราะผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายน้านนมีแต่คำชื่นชมให้กับสถานทูตนี้ทั้งน้านน ตั้งกะยามไปถึงเจ้าหน้าที่ (ประชดดด ถถถถถ..) <(((A=)> เองไงดีๆ เอาวะ... ไหนๆ ก็ไหน ขี้เกียจเขียนแผนลวงด้วย 55555
สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ เอกสารมีไรบ้างน้อว์ ในการขอวีซ่าเชงเก้นนน
- สำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมเล่มจริง
- รูปถ่าย 2 ใบ (ไปที่ร้านบอกเลยคร่า ขอเชงเก้น ...รู้ทุกร้านรึป่าว)
- เอกสารรับรองการทำงานหรือการทำธุรกิจ (เป็นภาษาปะกิด แปลเองได้เลย ไม่ต้องไปจ้างให้เปลืองหรอกคร่าหรืออยากสร้างงานสร้างรายได้ให้เรา...จ้างเราก็ได้น้าาา วิ้งๆ)
- เอกสารทางการเงิน ต้องมีเงินพอสำหรับทั้งทริปนะคะ
- เอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน
- เอกสารการจองที่พักตลอดทริป
- ประกันการเดินทาง ที่มีวงเกินประกัน 30,000 ยูโรเป็นอย่างต่ำ เราใช้ AXA ค่ะ ...แต่อย่าหวังอะไรมากจากประกันเลยค่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆ ดีที่สุดค่ะ
- แผนการเดินทาง...เราแนบไปด้วยแต่คิดว่าเค้าคงไม่ดูหรอกค่ะ
- ค่าวีซ่า 60 EUR
แค่นี้ก็ถือว่าจบขั้นตอนการเตรียมเอกสาร ต่อไปก็ถึงขั้นตอนการยื่น อยากบอกว่าตอนแรกตั้งใจไปยื่นที่สถานทูตเองเบย เพราะว่าทำงานอยู่แถวสีลมและสถานทูตก็ใกล้ที่ทำงานมาก ก่อนไปเราก็อ่านมาว่าต้องมีการนัดเวลาก่อน สามารถไปลงนัดได้ที่หน้าสถานทูต ตรงซอยนันทนนาโมสาร์ท เราก็ไป ปรากฏว่า ....สถานทูตกำลังปรับปรุง...(((-=) เซ็ง...(ณ มีนา 2015) เลยไปถามยามว่าแล้วจะนัดกับยื่นวีซ่ายังไง ยามเลยบอกว่าเค้าย้ายไปที่ตึก Q House ชั่วคราว ชั้น 22 ถ้าเราจำไม่ผิด o(_ _o) ให้ไปลงนัดที่นั่น แต่วันนั้นมันบ่ายแล้วเราเลยต้องกลับไปทำงานต่อและคิดว่าเดี๋ยวเมลล์ไปนัดแทนละกัน
เราเลยเมลล์ไปขอนัดเวลาตามเมลล์ที่ให้ไว้หน้าเว็บของสถานทูตเลย (ไม่ใช่เว็บ VFS นะคะ) หน้าเว็บก็ระบุชัดเจนว่าถ้าจะมายื่นวีซ่าให้เมลล์มาตามที่อยู่เมลล์นี้ เราเมลล์ไปบอกขอยื่น 9 โมงวันนี้ๆๆ นะ (รู้สึกจะก่อนเรายื่น 2 อาทิตย์นะคะ) เราก็ได้รับเมลล์กลับมาจากเจ้าหน้าที่ฝรั่งของทางสถานทูตว่าเข้ามายื่นได้เลย เค้าจะรออยู่
พอถึงวันนัดเราก็ไปถึงตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง ขึ้นไปถึงหน้าห้องเลย แต่ม่ายมีใครเลยคร่า พี่น้อง... สักพักก็ยามคนเดิมที่เราเจอคราวก่อนนี่ล่ะคร่าา (ไม่รู้ใช่คนที่เค้าชื่นชมกันรึป่าว น่าจะใช่ แต่มารยาทแอบดีขึ้นแบบเสแสร้งๆ) เดินมาถามเราว่ามาทำอะไร เราก็ว่ามายื่นวีซ่าท่องเที่ยว เค้าก็บอกเราว่า ไม่รับยื่นแล้ว ได้เฉพาะวีซ่าสมรสกับเรียนต่อ ให้เราไปยื่นที่ VFS เอ๊า.....เฮ้ย แล้วไอ ฝรั่งเจ้าหน้าที่บอกให้มายื่นได้ หมายควายว่าไง (?) แล้วแกก็เดินเข้าไปปิดประตู เราได้แต่ยืนงงกับน้องสาวจ้า~ บอกเลยเซ็งมาก สถานทูตนี้ทำเซ็งจิตตั้งกะยังไม่ได้เหยียบประเทศ
ความเซ็งที่ 2 ก็ตามมาติดๆ ในวันเดียวกันเพราะต้องถ่อไป VFS ที่สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 15 ถ้าจำไม่ผิด ...คือมันอยู่ใกล้สถานทูตมากป่ะ แต่ไม่ให้ยื่นที่สถามทูต... ไปถึง VFS ไม่ค่อยมีคนหรอกค่ะ ไม่ต้องนัด ไม่ต้องอะไรทั้งสิ้น คิดเอาเองว่าเพราะคนที่รู้ เค้าคงไม่ขอยื่นเชงเก้นที่ออสเตรีย สเปนและอิตาลีแน่ๆ เพราะมันมีเคาน์เตอร์ VFS ไว้ดูดเงินค่าปริการและอัตราแลกเปลี่ยนที่แสนโหดร้ายอยู่ บวกค่าซีร็อกซ์เอกสารที่โคตระแพงงง... บอกเลยว่าใครคิดจะขอเชงเก้น ให้ทำแผนลวงค่ะ ให้ไปขอสถานทูตที่ยื่นเองได้ เพราะค่าบริการแพงงงงมากกกกคร่าาาา คนละ 1,120 บาท เราไป 4 คนแค่ค่าบริการก็ 4,000 กว่าบาทแล้วคร่า แถมค่าวีซ่าคิดเรทยูโรให้ 37 บาทกว่า ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเรทแค่ 33 บาทเอง
ความเซ็งที่ 3 อยู่ที่เจ้าหน้าที่ VFS ผู้ซึ่งคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่ง เป็นกระเทยอ้วนตัวดำ ทำหน้าเหมือนอมอีตลอดเวลา~ เอาเอกสารเราไป เราเรียงไว้ตามหน้าเว็บบอกอยู่แล้วเป็นชุดๆ สำหรับทุกคนในครอบครัวเรา นางนี่เอาออกมากองกันมั่วเลยคร่าา เวลาดึงแม็กซ์ออกก็กระชากกระดาษแรงๆ แถมพูดจาแบบมารยาทแย่มากๆ ค่ะ ที่แย่ที่สุดคือนางบอกให้เราไปซีร็อกซ์เอกสารของทุกโรงแรมมาอีก 3 ชุดสำหรับทุกคน ห้องซีร็อกซ์อยู่ข้างๆ เราเลยแย้งว่า...เรามีข้อมูลมาว่าถ้าครอบครัวเดียวกัน ใช้แค่ชุดเดียว... นางบอกไม่ได้ แล้วก็ไม่สนใจฟังค่ะ พ่อกับน้องเราเลยไปซีร็อกซ์ คิดใบละ 5 บาทค่าาา พ่อบอกจ่ายไป 300 กว่าบาท เราโกรธมากเลยตอนนั้น เราคิดว่ามันมีใต้โต๊ะกันชัวร์ ...เพราะที่พักทุกแห่งเราระบุว่า 4 คนทุกฉบับ บางที่ระบุชื่อคนพักทุกคนด้วย แต่พอเรารับใบเสร็จค่าอะไรต่างๆ มา ทำไมไม่แยกใบเสร็จให้เป็นคนๆ ไปล่ะ รวมทำไม แหม่...อยากจะด่า... VFS สร้างประสบการณ์ที่แย่มากกก และจะไม่มีทางใช้บริการอีกแน่นอน ใครคิดจะใช้ ขอให้คิดใหม่ทำใหม่ซะนะคร้าาา~
ความเซ็งที่ 4 เจ้าหน้าที่คนไทยของสถานทูตออสเตรียโทรมาหาเรา ให้เรายื่นเอกสารทางการเงินของเรากับแม่เพิ่มเนื่องจากวงเงินไม่พอกับทั้งทริป ตามที่เค้าพิจารณา เราเลยบอกว่าเราก็เขียนไปแล้วในจดหมายแนะนำตัวว่า พ่อเราจะออกค่าใช่จ่ายทั้งหมดและวงเงินพอที่จะอยู่ได้เป็นปีๆ ด้วยซ้ำ รู้มั้ยคร้าว่านางพูดยังงายย นาง...ฮึ....ใส่เราคร่าาา แล้วก็บอกว่าซีร็อกซ์ของพ่อแล้วยื่นมาแล้วกัน (((-=) คือ ของพ่อตรู เมิงใช้ฉบับที่ยื่นไปแล้วไม่ได้เหรอ มันจะตายมั้ยถ้าจะพลิกกลับไปดูน่ะ...
หลังจากผ่านด่านนางในทั้งหลายมา สุดท้ายเราก็ได้วีซ่ามา~ กว่าจะได้ก็อาทิตย์นึงพอดี
แหม...เรื่องวีซ่า เอาซะยาวเลยเรา เอาเป็นว่าใครจะขอเชงเก้นแนะนำไปขอสถานทูตเยอรมันก็ได้ เอกสารครบ ไม่ต้องกลัวจะไม่ผ่าน... อย่าได้มาเจอประสบการณ์แย่ๆ แบบเราจาก VFS และสถานทูตออสเตรีย คือทัศนคติเรากับประเทศออสเตรียนี่เปลี่ยนไปเลย คุณผู้ช๊มมมมม...
สุดท้ายของตอนแรกของการเดินทางนี้ จบด้วยสตรอเบอรี่ลูกเท่าแครอทแก้เครียดคร่า...ไม่เกี่ยวไรกะเนื้อหาเลย แค่อยากโชว์...ถถถถถถ