Sunday, August 23, 2015

ยุโรปตะวันออก 18 วัน 17 คืน: รีวิวที่พัก ณ เมืองต่างๆ

           เนื่องจากว่าเราก็เป็นคนที่อ่านกระทู้ท่องเที่ยวต่างๆ มาเยอะอยู่เหมือนกัน (((A^) และกระทู้ที่เราชื่นชอบก็จะเป็นพวกรีวิวที่พักหรือการเดินทางแบบเฉพาะเจาะจงไปเบย ไม่เอามาปะปนกันเพราะมันทำให้คนใจโลเลแบบเราทำแผนยากกกส์ ถถถถถ... และจะทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าเราควรจะตามไปพักดีรึเปล่าหน้อ...หรือเดินทางแบบนี้ดีรึเปล่า เราเลยรวบรวมเอาที่พักที่เราไปพักมาทั้ง 6 เมือง (ตัดบ้านแควนออกไป 5555) เชิญทุกท่านอ่านได้ตามศรัทธา มีอะไรผิดพลาดเชิญเม้นท์ได้ตามอัธยาศัยนะฮ๊าฟฟฟ
          เงื่อนไขในการจองที่พักของเรามีอยู่ไม่มีข้อ ซึ่งเป็นไม่กีข้อที่เล่นเอา (= - =")
          - ต้องไม่ใช่ Hostel หรือ Guest House เพราะพ่อแม่เราจะไม่ยอมนอนรวมกันใคร ฮา...
          - ต้องเป็นห้องน้ำส่วนตัวเท่านั้น (Private Bathroom)
          - ต้องมีอาหารเช้า เพราะเราขี้เกียจไปหาเอาดาบหน้า กินๆ เสร็จจะได้เที่ยวเลย ลั้ลลา
          - คืนละไม่เกิน 1,500 บาทต่อคน
          - ต้องอยู่ในเขตที่เดินถึงรถเมล์ (Bus) รถราง (Tram) หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน (Subway) แบบไม่ไกล เพราะแม่เราเดินไกลไม่ได้ 55555

ที่พักในมิวนิค (Accommodation in Munich)
          ที่มิวนิค หลังจากที่เรางมหาอยู่นาน (มากก)... เพราะที่พักแต่ละที่มันแพงเหลือเกิ๊น... .ในนนที่สุดเราก็จองได้ที่ HOTEL EDER บนถนน ZweigstraBe อยู่ใกล้ Munich Central Station เดินไม่ถึง 3 นาที ตอนเดินมาถึงหน้าโรงแรม พ่อแม่เราถามเราว่า...หาโรงแรมที่ดีกว่านี้ไม่มีเหรอลูก...เราแบบ <(((A=)> ป๊าม้าคะ ไปดูข้างในก่อนเถิด ข้างนอกเป็นโพรง แต่ข้างในอาจจะสุกใสนะเออ...ถถถถถ 
นี่คือหน้าโรงแรม ทีทำให้ป๊าม้าถึงกับผงะ ถถถถ..
          มาถึงราคาบ้างคร่าาา ราคาห้อง Quad Room with Breakfast อยู่ที่ 137 EUR ต่อคืน (ตกคนละ 34.25 EUR/คืน) ไม่ถูกไม่แพง มีอาหารเช้า แถมใกล้สถานีทั้งรถไฟและรถราง ไปไหนมาไหนสะดวกสุด d(((-<) 
ภายในห้อง...เละ...ไม่ทันถ่ายทุกคนก็ละเลงซะเละ (= - =")
          ความกว้างของห้อง สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าแคบ แต่เราคิดว่ามันโอเคเลย เพราะปกติเราก็ไม่ได้อยู่ในห้องทั้งวันอยู่แบ๊ว ส่วนความสะอาดโดยรวม เราให้ 5/5 เพราะเราเห็นคุณป้าแม่บ้านมารอทำความสะอาดทุกวัน เปลี่ยนผ้าปูให้ทุกวัน ชื่นชมค่าาา...
ห้องน้ำคร่าาา แคบไปนิด แต่สะอาดค่ะ
          ห้องน้ำแคบไปนิด แต่ความสะอาดก็ 5/5 เหมือนกัน Cabin อาบน้ำปิดสนิทไม่มีน้ำรั่วเจิ่งมาด้านนอกแม้แต่นิดเดียว เราปลื้ม เพราะเราเป็นคนเข้าห้องน้ำยากส์... ถ้าไม่สะอาดเรายอมไม่อาบเลยอ่ะ
เคาน์เตอร์อาหาร ก็เน้นพวกขนมปังต่างๆ มีนมกับน้ำผมไม้สดๆ
การตกแต่งคือแบบดูย้อนยุคๆ อบอุ่น ยังคิดถึงอยู่เลยค่าา
Cold Cut มีหลายอย่างค่ะ เติมเรื่อยๆ
          อาหารเช้า เริ่มทานได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้าค่ะ ความหลากหลายของอาหาร, ความสดสะอาด, การตกแต่งห้องอาหาร, ความสะอาดของอุปกรณ์ต่างๆ และการบริการ เราก็ให้ 5/5 ค่ะ ไม่รู้จะติอะไร คือดีงามทุกอย่างอ่าาาา (((A^) ป๊าม้านี่แบบชื่นชมมม ต่างกับตอนเห็นแค่หน้าโรงแรม 55555
          ป๊าเราแบบว่า ตอน Check out บอกเจ้าของว่า Your hotel is sooo goood เดี๋ยวจะช่วยแนะนำคนอื่นให้มาพัก 55555 เจ้าของนี่ยิ้มหน้าบาน ไปพักกันนะคร้าาา...แนะนำๆ
          อ่อๆๆ เกือบลืม โรงแรมนี้แค่ 2 ดาวนะคะ มี 5 ชั้นแต่ไม่มีลิฟต์ เพราะฉะนั้นพอจองแล้ว ต้องเมลล์ไปบอกทางโรงแรมว่า เราต้องการชั้น 1 เท่านั้น ถ้าลากกระเป๋าไปถึงชั้น 5 ตายแน่ๆ คร่าา


ที่พักในซาลบูรก์ (Accommodation in Salzburg)
          โรงแรมในซาลบูรก์ เราก็งมหาอยู่นานเหมือนกันค่ะ แต่ไม่นานเท่ามิวนิค เพราะราคาก็ดร็อปลงมาจากมิวนิคหน่อยนึง ถถถถ...o(_ _o) สรุปเราจองได้ที่ GOLDENES THEATER HOTEL SALZBURG ค่ะ อยู่บนถนน Schallmooser ไม่ได้ใกล้สถานีหลักของซาลบูรก์ แต่ป้ายรถเมล์อยู่หน้าโรงแรม เหอๆๆๆ ลงรถเมล์ปุ๊บ เดินมาอีกไม่กี่ก้าวก็ถึง สะดวกอ่อออ
หน้าโรงแรม คือรูปกากมาก ถถถถ...
          ราคาห้อง Quad Room with Breakfast อยู่ที่ 105 EUR ต่อคืน (ตกคนละ 26.25 EUR/คืน) ห้องที่ได้เป็นแบบ Adjoining Rooms ค่ะ เพราะฉะนั้นห้องจะกว้างใหญ่ไพศาลมากกกก คือเข้าไปตกใจแบบว่า เฮ้ย...ใหญ่ไปมั้ย (o-O) วางกระเป๋าเดินทางใบโตๆ ได้เกิน 10 ใบ เพราะฉะนั้นใครสัมภาระเยอะ แนะนำให้มาพักที่นี่ 555555
เราได้แบบนี้ 2 ห้อง มีประตูเชื่อมกัน (o-O)
          ความกว้าง, ความสะอาดและการบริการ 10/5 ...5555 คือแบบ exceed expectation เจงๆ อ่ะโรงแรมนี้ ส่วนห้องน้ำนี่ก็กว้างเหลือเกิ๊น ทั้งกว้างทั้งสะอาด ไม่รู้จะเอาอะไรมาติ เฮ้อ...
กว้างดีค่ะ ลงไปนอนเกลือกกลิ้งได้ ฮา...
บรรยากาศห้องอาหาร..ดีเลิศ
กินไรเชิญตักคร่าาา..
Tower ขนมปัง เชิญหนีบใส่จาน
ชา กาแฟมีพร้อม ลุย..
          อาหารเช้า ทั้งความหลากหลาย, สดสะอาดและบริการ เราก็ให้ 10/5 แบบว่าดีเลิศศศศ คือเราก็อ่าน feedback จากใน Tripadvisor เกี่ยวกับโรงแรมนี้นะคะ (คือเราอ่านทุกโรงแรมแหละก่อนจอง 5555) บางคนบอกว่าเก่า ไม่สะอาดเลย เราก็แอบแบบว่านอยด์อ่ะ ถถถถถ.... แต่พอมาถึงจริงๆ คือมันแบบไม่ใช่อ่ะ ต่างกะ feedback แบบคนละเรื่องเลยคร่าาา

ที่พักในเวียนนา (Accommodation in Vienna)
          โรงแรมในเวียนนา เราก็งมหาอยู่นานมากกกก เพราะราคาก็สูงตามแบบเมืองหลวงอ่ะนะ ถถถถ...o(_ _o) สรุปเราจองได้ที่ URBAN STAY HOTEL COLUMBIA ค่ะ ตั้งแต่เข้า Check in จนวันสุดท้ายจะ Check out เราถึงได้เจอเจ้าของกับคนที่ดูแล Apartment ที่ให้เช่าพักคร่าาา คูณณณผู้ชมมม 55555
          เอาเป็นว่ามาที่ราคาห้องก่อนไปเรื่องอื่น ราคาห้อง Grand Family Room with Breakfast อยู่ที่ 112 EUR ต่อคืน (ตกคนละ 28 EUR/คืน) ห้องกว้างพอประมาณ ไม่อึดอัด สะอาดและตกแต่งได้น่ารักมากๆ
หน้าที่พักคร่าาา มีป้ายอยู่...หาไม่ยาก
ห้องพักคร่า..มืดไปนิดส์
อีกมุมหนึ่งของห้อง
          สาธยายก่อนว่าทำไม๊เราไม่ได้เจอใครเลยในวัน Check in จนวันสุดท้าย อันนี้เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่จะเข้าพักนะคะ ต้องท่องไว้ ฮา... ต้องบอกว่าก่อนว่าที่พักที่เวียนนา เราจองจากเว็บเค้าโดยตรงค่ะที่ http://www.columbia.at/ อ่านเยอรมันไม่ออกไม่เป็นไรค่ะ ใช้ Google Translate ไป 5555 

              ก่อนวันที่เราจะเข้าพักหนึ่งวัน บังเอิญมีเมลล์เด้งดึ๋งเข้ามาในมือถือและโชคดีมั่กๆ ที่เรายังอยู่ในเขตโรงแรมเลยยังมี Wi-Fi อยู่ เราก็เปิดดู ปรากฏว่าเป็นเมลล์จากทาง Hotel Columbia ว่า "พรุ่งนี้ พอเรามาถึงโรงแรมแล้ว ให้กดปุ่มหน้าตึกที่แถบที่ระบุว่า Urban Stay Columbia เพื่อปลดล็อคประตู จากนั้นให้เดินตามทางมา จะพบลิฟต์ทางด้านซ้ายมือ ให้ขึ้นลิฟต์มาชั้น 2 ...จะพบซองจดหมายสีขาววางอยู่บนชั้น ภายในซองจะมี Welcoming Letter กับกุญแจห้อง ระบุเบอร์ห้อง ให้ใช้กุญแจนี้เปิดประตูไปยังล็อบบี้และกุญแจดอกเดียวกันนี้ สามารถเปิดประตูห้องได้ ส่วนห้องอาหารมีป้ายบอกทางอยู่" o(_ _o) ให้ความรู้สึกว่าเรากำลังเล่นเกมส์ RPG เพื่อไขปริศนาอะไรซักอย่าง ถถถถถ...  แต่เราไม่มายด์ค่ะ เราว่าสงบดีมากๆ เราชอบบบ 55555
ทางเดินไปห้องคร่าา
          ห้องน้ำสะอาดและกว้างดีเลยค่ะ ติตรงมันอับไปหน่อย น่าจะวางน้ำยาดับกลิ่นไรงี้ เราจะเข้าทีไรต้องทำใจ แล้วก็กลั้นหายใจก่อนแป๊ปนึงอ่ะ ถถถถถ... อ่อ...แล้วก็ที่นี่เค้ามีนโยบายรักโลกนะคะ เค้าจะเขียนแปะไว้ข้างๆ กระจกอ่างล้างหน้าว่า ถ้าใช้ผ้าเช็ดตัวซ้ำได้ ให้ใช้นะคะ เพราะการเปลี่ยนซักทุกวัน มันเปลืองทรัพยากรน้ำค่ะ แม่เราบ่นอุบ... <(= - =)>
ห้องน้ำคร่าา สะอาดสุดๆ
ห้องอาหารค่ะ บรรยากาศดีมากกก
          อาหารเช้า เค้าระบุไว้ในจดหมายด้วยค่ะว่า เป็นสไลต์เหมือนกินกันในครอบครัว โดยอาหารทั้งหมดคุณย่าของเจ้าของเป็นคนทำ เราว่ามันโอเคมากๆ เลยอ่าาา เราช๊อบชอบ เราให้ 4/5 นะคะ หักไปหนึ่งเพราะว่าไม่ค่อยหลากหลาย แต่คุณเจ้าของเค้าก็อธิบายในจดหมายแล้ว เราก็เข้าใจและรับได้ค่ะ เรื่องความสะอาดโดยรวมนี่ คะแนนเต็มค่ะ ที่นี่เริ่มทานอาหารเช้าได้ตอน 8 โมงนะคะ
          ทุกเช้าที่ตื่นมาทานอาหาร แบบว่าไม่เคยเจอผู้คนเลยคร่า 5555 จะกินไรเชิญตัก คือตามสบายเหมือนอยู่บ้านมากกก พอเราทานกันจะเสร็จถึงมีแขกคนอื่นๆ ทยอยเข้ามาทานอาหารเช้า
เครื่องดื่มพร้อมมม
ขนมปังต่างๆ พร้อมมม
Cold Cut และผลไม้ต่างๆ พร้อมมม
เครื่องชงกาแฟใช้ไงหว่า ถถถถ...
          อ่อ ลืมอีกละ...(((-=) เรื่องการเดินทาง สะดวกค่ะ เดินประมาณ 1 นาทีถึงป้ายรถรางไป Main Station และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ค่ะ 

ที่พักในเชสกี้ คลุมลอฟ (Accommodation in Cesky Krumlov)
          โรงแรมในเชสกี้ คลุมลอฟ ใช้เวลาไม่นานในการหาค่ะ เราสามารถพักได้เกือบทุกที่เพราะเป็นเมืองเล็กๆ จะพักที่ไหนก็เดินเที่ยวด้ายย ราคาก็เป็นมิตรเกือบทุกโรงแรม เราเล็ง PENZION GARDENA ไว้อยู่แล้วค่ะ เพราะ Feedback ดีมาก ไม่น่าทำให้เราผิดหวัง แถมอยู่ใกล้ท่ารถ ไม่ต้องเดินลากกระเป๋าผ่านพื้นหิน เดี๋ยวล้อกระเป๋าพัง ฮา... แต่ที่นี่เต็มเร็ว จองแบบกระชั้นชิดนี่ไม่ได้แน่ๆ ถถถถ...
ด้านนอกสวยมากกกค่ะ
          ราคาห้อง Apartment with Breakfast อยู่ที่ 98 EUR ต่อคืน (ตกคนละ 24.5 EUR/คืน) จริงๆ สามารถหาได้ถูกกว่านี้ แต่เอาความสะดวกสบายค่ะ

            เจ้าของที่นี่เหมือนที่เวียนนาเลยค่ะ คือแกจะไม่ได้อยู่ประจำที่นี่นะคะ แกส่งเมลล์มาบอกเลยว่า ให้มาถึงก่อนกี่โมงๆ ถ้าไม่เจอให้รอก่อน เราไปถึงก็ไม่เจอจริงๆ ฮาเลยคร่าาา เราเลยไปกดกริ่ง ก็มีคุณแม่บ้านเดินมาเปิดประตูให้ คุณแม่บ้านพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่เป็นอันเข้าใจว่านั่งรอเถิดจะเกิดผล 555555 ซัก 15 นาที คุณเจ้าของก็กระหืดหระหอบเข้ามาค่ะ เหมือนแกวิ่งมาจากไหนซักแห่งในเมือง 5555 มาถึงแกก็พ่นภาษาอังกฤษสำเนียงเชคมาเป็นไฟเลยคร่าาา อธิบายทุกอย่างด้วยความรวดเร็วและให้เลือกว่าเราจะจ่ายตังค์เลยหรือจะจ่ายตอน Check out เราเลยบอกจ่ายเลยดีกว่า เพราะเกิดแกไม่อยู่อีก เรารึก็ต้องรีบไปขึ้นรถแต่เช้า เดี๋ยวตกรถเอา ฮา....
          ที่ดีอีกอย่างคือ แกบอกด้วยว่าให้ไปแลกเงินที่ร้านไหนได้เรทดีที่สุด เพราะแกเคยไปวนดูมาทุกร้านแล้ว ร้านที่ให้เรทดีชื่อร้าน N*59 ตามในรูปข้างล่างคร่าา ให้เดินตามทางเข้าใจกลางเมืองไปเรื่อยๆ จะเห็นเลยคร่าาา
ถ่ายร้านมารูปเดี๋ยว ป๊ากับม้ายืนบังซะเต็มจอ ถถถถ...
          นอกเรื่องมาเยอะละ พูดถึงห้องพักบ้าง ห้องพักกว้างมากและสะอาดสุดๆ มี 2 ห้องนอน พื้นเป็นพื้นไม้ รวมถึงอุปกรณ์ทุกอย่างทำจากไม้เนื้อแข็งอย่างดี ให้ความรู้สึกแบบว่า คิดถึงตอนเด็กๆ อ่ะค่ะ ฟินสุดในบรรดาที่พักทั้งหมดเลยค่ะ เราอยู่ชั้น 3 ค่ะและที่นี่ไม่มีลิฟท์อีกตามเคย (= - =) แต่คุณเจ้าของแกใจดีค่ะ แกบอกว่าปกติพี่ชายแกอยู่ จะช่วยยกสัมภาระไปให้ที่ห้อง แต่บังเอิญม่ายอยู่ แกเลยบอกว่าเดี๋ยวแกช่วยยกให้เอง ฮา...
ห้องพักกว้างมากกก แถมสะอาดมากก
อีกมุมหนึ่งของห้องคร่าาา
          ห้องน้ำนี่กว้างใหญ่ไพศาลค่ะ คือขนาดเกือบเท่าห้องนอน สะอาดอีกแล้วคร่าาา คือไม่มีที่ติเจงๆ เลย ที่พักในทริปนี้ของเราหาที่ติยากอ่อออ 555555
ห้องน้ำค่ะ กว้างจริงๆ นะ
ลืมๆ ว่าขึ้นมาชั้น 2 มีสวนหย่อมให้นั่งจิบชาด้วย
          มาถึงอาหารเช้า ปริมาณการตักเราน้อยลงเรื่อยๆ ค่ะ เพราะว่าเราเอียนพวกขนมปังกับ Cold Cut มากๆ แบบว่าเห็นแล้วถึงกับต้องทำใจก่อนตัก ถถถถถ... แต่ก็ต้องกินเพราะเค้ามีแต่แบบนี้ (T-T) ห้องอาหารน่ารักดีค่ะ รู้สึกฝรั่งเค้าชอบแต่งอะไรกระจุ๋งกระจิ๋งมันดูน่ารักไปหมดเลยค่ะ แล้วเรื่องความสะอาดนี่ ยกนิ้วให้เลยค่ะ ส่วนอาหารก็ไม่หลากหลายนะคะ ่เอาพออิ่มค่ะ แนะนำกิน Yogurt คร่าา อร่อยยย
ล็อบบี้กับห้องอาหารอยู่ที่เดียวกานนน
เนยต่างๆ และคอนเฟล็กซ์
Yogurt ต่างๆ เลือกเลยมีทุกรส
นม ชา กาแฟ ข้างๆ ที่ไม่ได้ถ่ายมาเป็น Cold Cut ต่างๆ ค่ะ

ที่พักในปราค (Accommodation in Prague)
          ที่พักในปราค เราหานานอยู่เหมือนกัน ตอนแรกจองโรงแรมนึงไว้แล้ว แต่ก็ไม่เอา เพราะบังเอิญเปิดๆ ไปเจอโรงแรมนี้สะดุดตาเลยเปลี่ยนมาพักที่นี่แทน สรุปเราพักที่ HOTEL WILLIAM ค่ะ ชื่อนี่ฟังดูบ้านๆ มากเลยใช่มั้ยคะ แต่ประตูชั้นในโรงแรมค่ะ ย้ำประตูชั้นในมันสะดุดตาเราค่ะ 55555 และดูเส้นทางเดินรถแล้ว เดินทางสะดวก รถรางมาส่งถึงข้างๆ โรงแรม เลยจองไป

นี่คือหน้าโรงแรมคร่า ประตูสีน้ำตาลคือประตูชั้นนอก
และนี่คือประตูชั้นใน (o-O)
          ราคาห้อง Double Room with 2 extra beds with Breakfast อยู่ที่ 99 EUR ต่อคืน (ตกคนละ 24.75 EUR/คืน) ห้องกว้างมากค่ะ ตกแต่งแนวย้อนยุคๆ สวยดีค่ะ แล้วก็สะอาดมากๆ เสียตรงฮีตเตอร์นี่ล่ะค่ะ แบบว่ามันไม่ค่อยทำงาน เราต้องทนกับความหนาวเหน็บประมาณนึง แม่เราบ่นอุบเช่นเคย (= - =)
ห้องนอนคร่าา
          ที่ต้องติอีกอย่างคือห้องน้ำคร่าาา แบบว่าเราเป็นคนเรื่องเยอะเรื่องห้องน้ำมากกก เราชอบพื้นห้องน้ำแห้งๆ แต่กระจกที่กั้นอ่างน้ำอ่ะค่ะ มันเลื่อนอ้าออกมาได้ แถมยังมีช่องทำให้เวลาอาบน้ำในอ่างน้ำมันจะไหลเจิ่งออกมาถึงอ่างล้างหน้าอ่า (= - =") เราแบบว่าเซ็งมากกก ต้องเอาผ้าเช็ดเท้าไปกั้นแล้วคอยซับไม่ให้น้ำไหลออกนอกเขต ฮืออออ
ห้องน้ำคร่าา
          ห้องอาหารตกแต่งได้น่ารักมุ้งมิ้งมากๆ คร่า เค้าว่าตกแต่งสไลต์เจ้าหญิง แบบว่าเดินเข้ามาแล้วจะรู้สึกว่า ฉันสวย ฉันเลิศเป็นเจ้าหญิงนะยะ ฮาาา... แต่ทว่าด้วยความช่างสังเกตของดั้น ทำให้ตาดันกวาดไปมองที่พื้นคร่าาา แบบว่าพื้นดำมากอ่าาา (T-T) มองในรูปอาจจะไม่ชัด เราว่าเค้าคงทำความสะอาดแล้วล่ะ แต่เหมือนเค้าขัดแล้วมันไม่ออก ติดเป็นคราบดำถาวรบนพื้นสีฟ้า ถถถถถ...
          อาหารที่นี่หลากหลายค่ะ จะกิน Omelette ก็ขอให้คนครัวทำได้ก็นะคะ (^ - ^)
ห้องอาหารคร่าา
ขนมปังกับ Cold Cut อีกแล้ว ฮึๆ
Cornflakes & Fruits & Salad
มีข้าวคร่าาา ปลื้มมมม (T-T) ข้าวไข่ดาววว

ที่พักในคราคูฟ (Accommodation in Krakow)
          ที่สุดท้ายละคร่าาา (ปาดเหงื่อเบาๆ...) ในคราคูฟนี่เราหาที่พักไม่นานค่ะ เพราะราคาที่พักค่อนข้างถูก แต่ตัดสินใจก่อนจองนี่นานค่ะ 55555 สรุปคือเราจองเป็น Apartment ชื่อ Madera เจ้าของชื่อ Mr. Daniel ค่ะ ดูเฮ้วๆ หน่อยแต่แกใจดีค่ะ และแกเป็นผู้ชายตัวใหญ่ เลยช่วยพวกเรายกกระเป๋าขึ้นห้องสบายๆ ไม่มีลิฟท์นะคร้า พอขึ้นห้อง แกก็จะอธิบายกฏต่างๆ แล้วให้เซ็นเอกสารกรณีทำของเสียหาย (แกไม่เก็บมัดจำนะคะ แค่เซ็นเฉยๆ ถ้ามีอะไรเสียหายค่อยจ่ายทีหลัง) กับใบเสร็จรับเงินค่าห้อง แล้วก็เวลา Check out แกบอกจะมาตอน 9 โมง ถ้าเช้ากว่านั้นให้โทรบอก เป็นอันจบพิธี
          ที่พักอยู่ใกล้ป้ายรถรางค่ะ เพราะฉะนั้นสะดวกต่อการเดินทางแน่นอน แต่ว่าถ้ามาครั้งแรก ไม่ต้องตกใจทางเดินไปห้องนะคะ จะน่ากลัวและวังเวงนิดนุง 555555 แต่ว่าพอเข้าไปในห้องแล้วคนละเรื่องเลยคร่าาา ห้องสวยมาก อุปกรณ์ทำครัวทุกอย่างครบครัน จะทำอะไรเชิญตามสบาย แค่อย่าทำไฟไหม้เป็นพอ ฮาาาาา 
นี่คือหน้าที่พักค่ะ เจอป๊าม้าบังอีกแบ๊ว ฮาาา
          ห้องที่เราจองเป็นแบบ 2 bedrooms ราคาห้อง ไม่รวมอาหารเช้าอยู่ที่ 54 EUR ต่อคืน (ตกคนละ 13.5 EUR/คืน) ที่่นี่อาหารราคาไม่แพง เราเลยคิดว่าเดี๋ยวไปหากินเอาก็ได้ ไม่รีบค่าาา
          ห้องพักกว้างมากค่ะ มี 2 ห้องนอน มีเตียงทั้งหมด 4 เตียงค่ะ จริงๆ ห้องนี้อยู่ได้มากสุด 6 คนค่าาา
ห้องพักกว้างและสะอาดค่ะ
ส่วนนี้เป็นครัว อุปกรณ์ครบ
เครื่องซักผ้าใช้ได้ค่ะ แต่อย่าทำพัง 5555
Cabin อาบน้ำ ดีสุดๆ

*****สรุปค่าที่พักตลอดทั้งทริป*****
          ตอนนั้นเราไปเรทเงินยูโรต่อเงินบาทอยู่ที่ราวๆ 37 บาทค่ะ แต่เราจะไม่คำนาณเป็นเงินบาทนะคะ ให้ลองคำนวณเล่นๆ กันเอง อิๆ

          - Hotel Eder 3 คืน จ่ายไป 410 EUR
          - Goldenes Theater Hotel Salzburg 3 คืน จ่ายไป 315 EUR
          - Urban Stay Hotel Columbia 3 คืน จ่ายไป 336 EUR
          - Penzion Gardena 1 คืน จ่ายไป 98 EUR
          - Hotel William 2 คืน จ่ายไป 198 EUR
          - Hotel Diament Ecomony 2 คืน (180 EUR) ตอนแรกจะพักที่นี่ค่ะ แต่สรุปไปค้างบ้านแควนแทน
          - Madera Apartment Krakow 2 คืน จ่ายไป 108 EUR       

          สรุปเราจ่ายค่าที่พักไปทั้งหมด 14 คืน (คืนแรกนอนสนามบินกับบ้านแควนไม่นับคร่า ฮาาา) รวมเป็นเงิน 1,465 EUR / 4 คน สำหรับเราถือว่าไม่ถูก ไม่แพง ถ้ามีโอกาสอยากไปหาเส้นทางใหม่ๆ อีกกกก ภาวนาให้เราได้ไปด้วยน้า แล้วจะเอามารีวิวอีกนะคร้าาา

          ปิดท้ายด้วยท่านนักเปียโนระดับโลก จริงๆ แกแค่ท่าสวยค่ะ แต่เล่นไม่เป็น ถถถถถถ....(= - =")

ยุโรปตะวันออก 18 วัน 17 คืน: เตรียมตัวก่อนเดินทาง วางแผนและการขอวีซ่า



          ทริปยุโรปตะวันออกนี้เกิดขึ้นมาแบบงงๆ เพราะเราตั้งใจว่ายังไงก็ต้องไปญี่ปุ่นก่อนให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ไปซะงั้น~ (((-<)> พอคิดได้ปุ๊บก็เข้าเว็บหาตั๋วเครื่องบินปั๊บ และเนื่องจากว่าเราเดินทางกับป๊าม้ามา 2 ทริป ที่สิงคโปร์กับฮ่องกงแล้ว (แต่ฮ่องกงยังไม่ได้เขียน ฮา~) ทำให้เลเวลในการหาของถูกนั้นอัพขึ้นมาเป็นอย่างมาก หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแสนแพงไปในทริปสิงคโปร์ ฮ่าๆ

          ขั้นแรก เลยก่อนหาข้อมูลอะไรทั้งปวง เราจะต้องรู้ก่อนว่าเราจะไปไหนดีหว่า (?) อันนี้สำคัญ เพราะข้อมูลอื่นๆ จะค่อยๆ พร่างพรูเข้ามาตามลำดับ เราตกลงว่าจะไป 4 ประเทศ (คือจริงๆ ตอนนั้นคิดนานมาก อยากไปนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด) สรุปก็คือ เยอรมัน >> ออสเตรีย >> เชค >> โปแลนด์ และจะไปเป็นการเดินทางแบบบินไปเยอรมันกลับจากโปแลนด์ เพราะเราไม่อยากเสียเวลาเดินทางกลับไปเยอรมันขึ้นเครื่อง ^-^"

          ขั้นที่สอง คือการหาตั๋วเครื่องบินนะคร้า ซึ่งเราก็ได้ข้อมูลมาจาก Pantip อีกที ต้องขอขอบพระคุณเว็บ Pantip เป็นอย่างสูงที่ทำให้ทริปนี้ของเราเกิดขึ้นได้ เราเริ่มด้วยการเสิร์ชหาเที่ยวบินจากเว็บจองตั๋วเครื่องบิน online อยู่ 2 เว็บค่ะ นั่นก็คือ
         - Cheapticket.com (เราใช้อันนี้มากกว่า)
         - Skyscanner.com

          โดยเลือกแบบ "หลายเส้นทาง" เพราะอย่างที่บอกว่าเราจะไม่เดินทางกลับไปเยอรมันเพื่อขึ้นเครื่องกลับ โดยเราเลือกเส้นทาง BKK - Munich (28-03-15) และ Krakow - BKK (14-04-15)
หน้าเพจ Cheap Ticket ค่ะ
          ตั๋วเครื่องบินนี่เราก็ส่องอยู่นานเหมือนกันนะคะ หลายอาทิตย์อ่ะ 555 ตอนแรกเห็นของ Swiss Air อ๊ากกกกส์ 23,xxx เองง่ะ แต่จองไม่ทัน งื่ออ มัวแต่ลังเล ...o(_ _o) สุดท้ายมาได้ของ FINN Air ค่ะ ราคาตั๋วไป-กลับ 26,490 บาท ต้องไปต่อเครื่องที่ Helsinki d(_ _o)
          แต่อยากบอกว่าเราไม่ได้จองกับเว็บออนไลน์นะคะ เราจองตรงกับสายการบินเลย เราใช้เว็บหล่านี้เพื่อเช็คราคาเท่านั้นค่ะ อยากบอกว่าจริงๆ จองตรงกับสายการบินเลย บางทีก็ได้ราคาที่เท่ากันหรือแพงกว่านิดเดียวเอง แต่ไม่ต้องกรอกอะไรยุ่งยากมากมายและจองปุ๊บ คอนเฟิร์มปั๊บ (ตัดเงินปุ๊บเลยเหมือนกัน T-T) 

          ขั้นที่สาม วางแผนก่อนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างงง ในแต่ละเมือง อีตรงนี้แหละค่าาา คิดหลายอาทิตย์อีกแล้ว 5555 เราไปทั้งหมด 8 เมืองค่ะ ลิสต์ที่ท่านจะพบต่อไปนี้เป็นแผนคร่าวๆ ที่คร่าวมากๆ ของเรานะคะ เพราะเราไปมาหลายเดือนแว้ว เหอๆๆ

          - Helsinki 1 : เรามาถึงประมาณเกือบ 6 โมงเย็นค่ะ ขึ้นเครื่องไปมิวนิคแต่เช้า เลยนอนสนามบิน
          - Munich 2 : พระราชวัง Nymphenburg & Park และพิพิธภัณท์ราชรถ Marstall
          - Munich 3 : โบสถ์ St.Johann Nepomuk, โบสถ์ St. Michael
                               แล้วก็โบสถ์อีก 2 - 3 แห่งที่เราจำชื่อไม่ได้ o(_ _o), Residenz München, Hofgarten, 
                               Marienplatz, Neues Rathaus, New Town Hall Tower และตลาด Viktualien
          - Fussen 4 : ปราสาท Lindehof, หมู่บ้าน Obermmagau, ปราสาท Neuschwanstein
          - Salzburg 5 : พระราชวังและสวน Mirabell, บ้าน Mozart, St. Sebastian church & cemetery
          - Salzburg 6 : ป้อม Festung Hohensalzburg, Kapitelplatz
                                Mozartplatz, New Residenz, Salzburg cathedral, Residenz square and fountain, 
                                St. Peter's Achabbey และตรอก Getreidegasse
          - Salzburg 7 : ขึ้นเขา Untersberg, พระราชวัง Hellbrun & Trick fountain และ Salzburg Zoo
          - Vienna 8 : พระราชวัง Schoenbrunn, บังเอิญเจอเทศกาล Easter เลยมีตลาดนัดให้เดินเพลิน 
          - Vienna 9 : วันนี้เราเดินไปหลายที่ค่ะ เราได้แผนที่การเดินมาจากเว็บๆ นึง แต่ว่าเราลืมชื่อเว็บไป
                              แบ๊ว o(_ _o) จำได้ว่าเซฟไว้ที่ไหนซักแห่ง ถ้าหาเจอจะเอามาแปะให้นะคร้า ซึ่งเว็บนี้
                              เค้าจะมีให้เดินเที่ยว 2 แบบคือแบบ City Tour เน้นเดินในเมืองและ Ring Tour เน้น
                              เดินรอบนอกเมืองคร่า ถึงมีแผนที่ก็ยังหลง ถถถถถ...จำได้แม่นๆ เลย คือ 
                              แวะรัฐสภาออสเตรียกับมหาวิหาร St.Stephen~
          - Vienna 10 : วันนี้เราเดินแบบ Ring Tour ค่ะ จำได้แม่นๆ ที่เดียวคือ แวะพระราชวัง Belvedere
          -  Cesky Krumlov 11 : โบสถ์ St.Vitus, Plague Column, Town Hall, ปราสาท Cesky Krumlov 
                                               แล้วก็เดินในเมืองเพลินๆ ค่ะ ที่นี่สวยมาก เหมือนไม่มีอยู่จริงบนโลก (o-O)
          - Prague 12 : วันนี้มาถึงก็บ่ายแก่ๆ ที่จำได้แม่นๆ ก็ไปสะพาน Charles, หอนาฬิกาดาราศาสตร์ แล้ว
                                ก็เดินเล่นใน old town
          - Prague 13 : ปราสาท Prague ภายในบริเวณปราสาทจะมีสถานที่สำคัญ อย่างมหาวิหาร St.Vitus, 
                                St.George Basilica, Golden Lane ส่วนตอนบ่ายๆ ก็ไป National Museum กับถนน 
                                คนเดิน Wenceslas
          - Gliwice 14 - 15 : 2 วันนี้เรามาแวะบ้านแควนคร่า พ่อแม่เราก็อยู่น้า~ อิๆ แต่เมืองนี้ก็มีอะไรน่าเดิน
                                        นะคะ ถึงจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แฮะๆ (((A^)> อย่าง Town Square แล้วก็บ้าน
                                        ของเศรษฐีสำคัญในอดีต William Caro ที่เปิดบ้านให้เป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนเข้า
                                        ชมฟรี ในวันอาทิตย์คร่า (วันอื่นเสียตังค์ T-T)
          - Krakow 16 : วันนี้ตั้งใจมาเดิน old town, ถนน Grodzka, โบสถ์ St.Peter & St.Paul, Cloth Hall 
                                 ตอนนี้กลายเป็นขายของที่ระลึกตรึมคร่า, ตลาด Glowny, St.Mary Basilica, 
                                 St.Florian's Gate, Krakow Barbican
          - Krakow 17 : ปราสาท Wawel บริเวณปราสาทก็จะมี มหาวิหาร, Wawel Hill, ถ้ำมังกรและ
                                 พิพิธภัณฑ์ศาสตราวุธ ตอนบ่ายๆ ก็กลับไปเดินใน old town อีกเพราะเราชอบ
                                 บรรยากาศดีมากๆ คร่าตรงจัตุรัสกลางเมือง
          - Krakow 18 : เราขึ้นเครื่องตอนเที่ยงครึ่งค่ะ เลยเตรียมตัวอย่างเดียว วันนี้เศร้ามากอ่ะ T-T
          
           *ป.ล. อาจจะมีบางคนสงสัยว่าทำไม๊เราไม่ไปค่ายกักกันชาวยิว... เรากลัวอ่าาา บอกเลอ ทำใจไปไม่ด้ายยยเจงๆ แล้วทำไมเราไม่ไปเหมืองเกลือ Wieliczka อันโด่งดังล่าาา ก็เพราะเราเห็นขั้นบันไดที่ต้องลงแล้วสงสารแม่คร่าาา แม่เราเข่าไม่ดีง่าาา T-T

          ขั้นที่สี่ รู้ที่เที่ยวจุดต่างๆ แล้วก็จองโรงแรมคร่า~ เรื่องจองโรงแรมนี่งานถนัดของเรา แต่ว่าไปถึงแล้วจะได้เรื่องรึเปล่านี่อีกเรื่องนะคะ ฮา~ เอาเป็นว่าพยายามเลือกโรงแรมที่เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก จริงๆ ไม่ต้องใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากๆ ก็ได้ เอาแค่มีรถไฟฟ้า รถรางหรือรถเมล์ตัดผ่าน และไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยก็พอค่ะ 55555 เราเลือกใช้อยู่ 2 เว็บ ณ ตอนนั้น แต่อยากบอกว่าเสียใจเหลือเกิ๊นที่ตอนนั้นไม่รู้จัก Hotel.com o(((^T) อยากบอกว่าจอง 10 คืนฟรี 1 คืนกับโรงแรมที่ร่วมดีล ฮืออออ ขอย้อนเวลากลับเด๋วเน้~ 
          เว็บที่ใช้ตอนนั้น แบบว่าเข้ามันเกือบทุกวันคือ 
          - Agoda.com
          - Booking.com

          เราจองจาก 2 เว็บนี้และอยากบอกเหลือเกินว่าแต้มที่สะสมกับ Agoda หมดอายุแว้ววว T-T Agoda ขอแบบ Forever Reward ได้ม้ายยย ฉันเป็นลูกค้าประจำนะเออ... (((-=) เด๋วฉันจะไปใช้ Hotel.com แทน
          ส่วนเราจองโรงแรมไหนไปบ้างนั้นไว้จะมารีวิวแยกออกมาอีกหัวข้อเลยคร่า คูณณณณผู้ชมมมม...

          ขั้นที่ห้า หาข้อมูลการเดินทางคร่า ข้อมูลก็เยอะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง 555555 แบบว่าเราอ่านเยอะมากกก ที่เราหาอ่านเยอะก็ Pantip, Tripadvisor แล้วก็เว็บไซต์ของบัตรโดยสารต่างๆ ซึ่งพอข้อมูลมันเยอะ เราก็จะเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูกละว่า ฉ๊านนนจะอ่านอะไรก่อนดีล่า... คือแบบเราเป็นแบบนั้นเบย~
          เราเลยตั้งสติ เอาเป็นว่าเริ่มจากเมืองแรกแล้วค่อยๆ ไล่ไป ถ้าเราอ่านข้อมูลนี้อยู่ แล้วเกิดมีข้อมูลเรื่องรถราของเมืองอื่นมาเตะตา อย่าไปสนใจ เซฟไว้ก่อนแล้วค่อยเอามาอ่านประมวลผล ลั้ลลา~

          เว็บที่น่าจะมีประโยชน์กับทุกคนที่จะเดินทาง น่าจะประมาณนี้ค่ะ
          - http://www.bahn.com/i/view/GBR/en/ เว็บรถไฟของเยอรมัน มีข้อมูล Bayern Ticket ที่เราใช้บ่อย เพราะเราเดินทางกับพ่อและแม่ค่ะ
          - http://www.oebb.at/en/ เว็บรถไฟของออสเตรีย เราใช้เว็บนี้บ่อยมาก เพราะเราสามารถวางแผนการเดินทางได้เลยว่าจากไหนไปไหนทั้งใน Salzburg และ Vienna ต้องนั่งรถไฟ, รถรางหรือรถเมล์สายอะไร เดินต่อรถกี่นาที คือสะดวกมากๆ ค่ะ
          - http://www.beanshuttle.com/ เราใช้เดินทางจาก Vienna ไป Cesky Krumlov ค่ะ เค้าใช้รถของ CK Shuttle มารับเลยค่ะ เพราะเจ้าเดียวกัน แต่ราคาเป็นมิตรกับผู้โดยสารมากกว่า 5555 คนขับน่ารักมากกก เฟรนลี่สุดๆ ตอนบริษัทเค้าส่งแบบสอบถามความพึงพอใจมา เราให้ 5 ดาว บวกๆๆๆ เลยค่ะ 5555
          - http://www.studentagencybus.com/ เลิศเลอค่าาา เจ้านี้ เราใช้เดินทางจาก Cesky ไป Prague
          - http://www.tigerexpress.eu/en/ เจ้านี้ก็บริการดีมากค่าา ราคาก็ถูกสุดๆ เราใช้เดินทางจาก Prague ไป Gliwice ค่ะ แต่ก็มีวิ่งไปถึง Krakow ด้วยนะคร้า
          - สุดท้ายคือ Google Map มีประโยชน์มากที่สุดค่ะ แต่ทว่าาาา ข้อมูลบางอย่างอาจจะไม่ค่อยอัพเดท เพราะเราเชื่อเธอว์เกินไป เราเกือบตกรถไฟที่ต้องนั่งจาก Prague ไป Gliwice แหน่ะ T-T

          ขั้นที่หก วีซ่าคร่า~ ไม่ผ่าน แผนอื่นเป็นอันล่ม เพราะฉะน้านทำอย่างไรก็ได้ให้ผ่านทีเถ๊อะ~ อันนี้อาจจะยาวหน่อยเพราะเราคันปากกับสถานทูตออสเตรียอันทรงเกียรติ ณ ประเทศไทยมว๊ากกกคร่า

          เนื่องจากว่าเรานั้นหรือช่างใสซื่อ เห็นเค้าว่าถ้าเราอยู่ประเทศไหนนานที่สุด ให้ไปขอวีซ่าสถานทูตประเทศนั้น เราก็มาไล่ดู โอเค...อยู่ออสเตรียนานที่สุดราว 6 วัน เตรียมหาข้อมูลเพื่อไปขอวีซ่าที่สถานทูตออสเตรีย ยิ่งอ่านยิ่งนอยด์ เพราะอะไรนั้นหรือ เพราะผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายน้านนมีแต่คำชื่นชมให้กับสถานทูตนี้ทั้งน้านน ตั้งกะยามไปถึงเจ้าหน้าที่ (ประชดดด ถถถถถ..) <(((A=)> เองไงดีๆ เอาวะ... ไหนๆ ก็ไหน ขี้เกียจเขียนแผนลวงด้วย 55555

          สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ เอกสารมีไรบ้างน้อว์ ในการขอวีซ่าเชงเก้นนน
          - สำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมเล่มจริง
          - รูปถ่าย 2 ใบ (ไปที่ร้านบอกเลยคร่า ขอเชงเก้น ...รู้ทุกร้านรึป่าว)
          - ใบสมัครขอยื่นวีซ่า ของเราตั้งใจจะไปยื่นที่สถานทูตออสเตรียนะคะ โหลดได้ที่นี่ค่ะ http://www.vfsglobal.com/austria/thailand/thai/tourist_visa_form.html ปริ้นท์ออกมาแล้วกรอกให้เรียบร้อยพร้อมติดรูปถ่าย 1 ใบ (อีกใบแนบไปเผื่อ...แต่อยากบอกว่าเค้าคืนเรามานะคะ แล้วบอกให้เอาไป 2 ใบเพื่อออออ...อยากจะพิมพ์ 'อ' ซัก 10 บรรทัด)
          - เอกสารรับรองการทำงานหรือการทำธุรกิจ (เป็นภาษาปะกิด แปลเองได้เลย ไม่ต้องไปจ้างให้เปลืองหรอกคร่าหรืออยากสร้างงานสร้างรายได้ให้เรา...จ้างเราก็ได้น้าาา วิ้งๆ)
          - เอกสารทางการเงิน ต้องมีเงินพอสำหรับทั้งทริปนะคะ
          - เอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน
          - เอกสารการจองที่พักตลอดทริป
          - ประกันการเดินทาง ที่มีวงเกินประกัน 30,000 ยูโรเป็นอย่างต่ำ เราใช้ AXA ค่ะ ...แต่อย่าหวังอะไรมากจากประกันเลยค่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆ ดีที่สุดค่ะ
          - แผนการเดินทาง...เราแนบไปด้วยแต่คิดว่าเค้าคงไม่ดูหรอกค่ะ
          - ค่าวีซ่า 60 EUR

          แค่นี้ก็ถือว่าจบขั้นตอนการเตรียมเอกสาร ต่อไปก็ถึงขั้นตอนการยื่น อยากบอกว่าตอนแรกตั้งใจไปยื่นที่สถานทูตเองเบย เพราะว่าทำงานอยู่แถวสีลมและสถานทูตก็ใกล้ที่ทำงานมาก ก่อนไปเราก็อ่านมาว่าต้องมีการนัดเวลาก่อน สามารถไปลงนัดได้ที่หน้าสถานทูต ตรงซอยนันทนนาโมสาร์ท เราก็ไป ปรากฏว่า ....สถานทูตกำลังปรับปรุง...(((-=) เซ็ง...(ณ มีนา 2015) เลยไปถามยามว่าแล้วจะนัดกับยื่นวีซ่ายังไง ยามเลยบอกว่าเค้าย้ายไปที่ตึก Q House ชั่วคราว ชั้น 22 ถ้าเราจำไม่ผิด o(_ _o) ให้ไปลงนัดที่นั่น แต่วันนั้นมันบ่ายแล้วเราเลยต้องกลับไปทำงานต่อและคิดว่าเดี๋ยวเมลล์ไปนัดแทนละกัน

          เราเลยเมลล์ไปขอนัดเวลาตามเมลล์ที่ให้ไว้หน้าเว็บของสถานทูตเลย (ไม่ใช่เว็บ VFS นะคะ) หน้าเว็บก็ระบุชัดเจนว่าถ้าจะมายื่นวีซ่าให้เมลล์มาตามที่อยู่เมลล์นี้ เราเมลล์ไปบอกขอยื่น 9 โมงวันนี้ๆๆ นะ (รู้สึกจะก่อนเรายื่น 2 อาทิตย์นะคะ) เราก็ได้รับเมลล์กลับมาจากเจ้าหน้าที่ฝรั่งของทางสถานทูตว่าเข้ามายื่นได้เลย เค้าจะรออยู่
          พอถึงวันนัดเราก็ไปถึงตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง ขึ้นไปถึงหน้าห้องเลย แต่ม่ายมีใครเลยคร่า พี่น้อง... สักพักก็ยามคนเดิมที่เราเจอคราวก่อนนี่ล่ะคร่าา (ไม่รู้ใช่คนที่เค้าชื่นชมกันรึป่าว น่าจะใช่ แต่มารยาทแอบดีขึ้นแบบเสแสร้งๆ) เดินมาถามเราว่ามาทำอะไร เราก็ว่ามายื่นวีซ่าท่องเที่ยว เค้าก็บอกเราว่า ไม่รับยื่นแล้ว ได้เฉพาะวีซ่าสมรสกับเรียนต่อ ให้เราไปยื่นที่ VFS เอ๊า.....เฮ้ย แล้วไอ ฝรั่งเจ้าหน้าที่บอกให้มายื่นได้ หมายควายว่าไง (?) แล้วแกก็เดินเข้าไปปิดประตู เราได้แต่ยืนงงกับน้องสาวจ้า~ บอกเลยเซ็งมาก สถานทูตนี้ทำเซ็งจิตตั้งกะยังไม่ได้เหยียบประเทศ

          ความเซ็งที่ 2 ก็ตามมาติดๆ ในวันเดียวกันเพราะต้องถ่อไป VFS ที่สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 15 ถ้าจำไม่ผิด ...คือมันอยู่ใกล้สถานทูตมากป่ะ แต่ไม่ให้ยื่นที่สถามทูต...  ไปถึง VFS ไม่ค่อยมีคนหรอกค่ะ ไม่ต้องนัด ไม่ต้องอะไรทั้งสิ้น คิดเอาเองว่าเพราะคนที่รู้ เค้าคงไม่ขอยื่นเชงเก้นที่ออสเตรีย สเปนและอิตาลีแน่ๆ เพราะมันมีเคาน์เตอร์ VFS ไว้ดูดเงินค่าปริการและอัตราแลกเปลี่ยนที่แสนโหดร้ายอยู่ บวกค่าซีร็อกซ์เอกสารที่โคตระแพงงง... บอกเลยว่าใครคิดจะขอเชงเก้น ให้ทำแผนลวงค่ะ ให้ไปขอสถานทูตที่ยื่นเองได้ เพราะค่าบริการแพงงงงมากกกกคร่าาาา คนละ 1,120 บาท เราไป 4 คนแค่ค่าบริการก็ 4,000 กว่าบาทแล้วคร่า แถมค่าวีซ่าคิดเรทยูโรให้ 37 บาทกว่า ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเรทแค่ 33 บาทเอง

          ความเซ็งที่ 3 อยู่ที่เจ้าหน้าที่ VFS ผู้ซึ่งคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่ง เป็นกระเทยอ้วนตัวดำ ทำหน้าเหมือนอมอีตลอดเวลา~ เอาเอกสารเราไป เราเรียงไว้ตามหน้าเว็บบอกอยู่แล้วเป็นชุดๆ สำหรับทุกคนในครอบครัวเรา นางนี่เอาออกมากองกันมั่วเลยคร่าา เวลาดึงแม็กซ์ออกก็กระชากกระดาษแรงๆ แถมพูดจาแบบมารยาทแย่มากๆ ค่ะ ที่แย่ที่สุดคือนางบอกให้เราไปซีร็อกซ์เอกสารของทุกโรงแรมมาอีก 3 ชุดสำหรับทุกคน ห้องซีร็อกซ์อยู่ข้างๆ เราเลยแย้งว่า...เรามีข้อมูลมาว่าถ้าครอบครัวเดียวกัน ใช้แค่ชุดเดียว... นางบอกไม่ได้ แล้วก็ไม่สนใจฟังค่ะ พ่อกับน้องเราเลยไปซีร็อกซ์ คิดใบละ 5 บาทค่าาา พ่อบอกจ่ายไป 300 กว่าบาท เราโกรธมากเลยตอนนั้น เราคิดว่ามันมีใต้โต๊ะกันชัวร์ ...เพราะที่พักทุกแห่งเราระบุว่า 4 คนทุกฉบับ บางที่ระบุชื่อคนพักทุกคนด้วย แต่พอเรารับใบเสร็จค่าอะไรต่างๆ มา ทำไมไม่แยกใบเสร็จให้เป็นคนๆ ไปล่ะ รวมทำไม แหม่...อยากจะด่า... VFS สร้างประสบการณ์ที่แย่มากกก และจะไม่มีทางใช้บริการอีกแน่นอน ใครคิดจะใช้ ขอให้คิดใหม่ทำใหม่ซะนะคร้าาา~

          ความเซ็งที่ 4 เจ้าหน้าที่คนไทยของสถานทูตออสเตรียโทรมาหาเรา ให้เรายื่นเอกสารทางการเงินของเรากับแม่เพิ่มเนื่องจากวงเงินไม่พอกับทั้งทริป ตามที่เค้าพิจารณา เราเลยบอกว่าเราก็เขียนไปแล้วในจดหมายแนะนำตัวว่า พ่อเราจะออกค่าใช่จ่ายทั้งหมดและวงเงินพอที่จะอยู่ได้เป็นปีๆ ด้วยซ้ำ รู้มั้ยคร้าว่านางพูดยังงายย นาง...ฮึ....ใส่เราคร่าาา แล้วก็บอกว่าซีร็อกซ์ของพ่อแล้วยื่นมาแล้วกัน (((-=) คือ ของพ่อตรู เมิงใช้ฉบับที่ยื่นไปแล้วไม่ได้เหรอ มันจะตายมั้ยถ้าจะพลิกกลับไปดูน่ะ... 

          หลังจากผ่านด่านนางในทั้งหลายมา สุดท้ายเราก็ได้วีซ่ามา~ กว่าจะได้ก็อาทิตย์นึงพอดี
          แหม...เรื่องวีซ่า เอาซะยาวเลยเรา เอาเป็นว่าใครจะขอเชงเก้นแนะนำไปขอสถานทูตเยอรมันก็ได้ เอกสารครบ ไม่ต้องกลัวจะไม่ผ่าน... อย่าได้มาเจอประสบการณ์แย่ๆ แบบเราจาก VFS และสถานทูตออสเตรีย คือทัศนคติเรากับประเทศออสเตรียนี่เปลี่ยนไปเลย คุณผู้ช๊มมมมม...

          สุดท้ายของตอนแรกของการเดินทางนี้ จบด้วยสตรอเบอรี่ลูกเท่าแครอทแก้เครียดคร่า...ไม่เกี่ยวไรกะเนื้อหาเลย แค่อยากโชว์...ถถถถถถ